‘อังกฤษ’ แข็งข้อต่อ ‘อิสราเอล’ ระงับเจรจาการค้า-ประณามโจมตีกาซา

‘อังกฤษ’ แข็งข้อต่อ ‘อิสราเอล’ ระงับเจรจาการค้า-ประณามโจมตีกาซา

อังกฤษระงับการเจรจาการค้าเสรีกับอิสราเอล เรียกเอกอัครราชทูตเข้าพบ ประณามการโจมตีกาซารอบใหม่ และขู่ออกมาตรการคว่ำบาตรผู้ตั้งถิ่นฐานในเวสต์แบงก์เพิ่ม

สหราชอาณาจักรระงับการเจรจาการค้าเสรีกับอิสราเอล และเรียกเอกอัครราชทูตอิสราเอลเข้าพบ ทั้งยังประกาศจะคว่ำบาตรผู้ตั้งถิ่นฐานในเวสต์แบงก์เพิ่มเติม ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษประณามการยกระดับความรุนแรงทางทหารของอิสราเอลในฉนวนกาซา

รอยเตอร์สรายงานว่า กองทัพอิสราเอลประกาศเริ่มปฏิบัติการทางทหารรอบใหม่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้านแพทย์ในกาซาเผยว่า การโจมตีของอิสราเอลได้สังหารผู้คนไปมากกว่า 500 คน ในช่วง 8 วันที่ผ่านมา

อิสราเอลยังได้ขัดขวางการส่งมอบความช่วยเหลือทางการแพทย์ อาหาร และเชื้อเพลิงเข้าไปยังกาซา นับตั้งแต่เริ่มทำสงครามอีกครั้งในเดือนมี.ค. ทำให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญนานาชาติออกมาเตือนว่า อาจเกิดภาวะอดอยาก แม้รถบรรทุกขนของให้ความช่วยเหลือบางคันจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปในฉนวนกาซาเมื่อวันจันทร์ (19 พ.ค.) แล้วก็ตาม

เดวิด แลมมี รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ กล่าวว่า “การโจมตีรอบนี้เป็นช่วงเวลาที่มืดมนครั้งใหม่ในความขัดแย้งนี้” และเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการขัดขวางความช่วยเหลือ และประณามความเห็นของเบซาเลล สโมทริช รัฐมนตรีกระทรวงการคลังอิสราเอลเกี่ยวกับการกวาดล้างและทำลายกาซาที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงการย้ายถิ่นฐานพลเรือนในกาซาไปยังประเทศที่สาม

“นี่เป็นเรื่องที่สุดโต่ง เป็นอันตราย น่ารังเกียจ โหดร้าย และผมขอประณามอย่างรุนแรงที่สุด” แลมมีกล่าวกับสมาชิกรัฐสภาด้วยความโกรธอย่างเห็นได้ชัด

และกล่าวเสริมว่า ปฏิบัติการในกาซาไม่สอดคล้องกับหลักการเบื้องหลังความสัมพันธ์ทวิภาคีของทั้งสองประเทศ

“วันนี้ ผมขอประกาศว่าเราได้ระงับการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีฉบับใหม่กับรัฐบาลอิสราเอล”

แลมมีเตือนด้วยว่า การโจมตีครั้งใหม่นี้จะไม่สามารถช่วยให้ตัวประกันที่เหลือได้รับการปล่อยตัว และการหยุดยิงในเดือนม.ค. ได้แสดงให้เห็นถึงแนวทางที่ดีกว่าที่อิสราเอลควรปฏิบัติตาม

ฝ่ายอิสราเอลกล่าวว่า อังกฤษไม่ได้ผลักดันการเจรจาการค้าที่เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2022 ภายใต้รัฐบาลอนุรักษนิยมของอังกฤษมาระยะหนึ่งแล้ว

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของอิสราเอลเน้นย้ำ “อาณัติของอังกฤษสิ้นสุดลงเมื่อ 77 ปีที่แล้วพอดี แรงกดดันจากภายนอกจะไม่ทำให้อิสราเอลหันเหออกจากเส้นทางการปกป้องการดำรงอยู่และความมั่นคงของตน จากศัตรูที่ต้องการทำลายล้าง”

ที่ผ่านมาสหราชอาณาจักรกล่าวว่า ตนสนับสนุนในความมั่นคงของอิสราเอล และยืนยันว่าอิสราเอลมีสิทธิในการป้องกันตัวเอง หลังจากฮามาสโจมตีอิสราเอลอย่างรุนแรงเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2566

แต่เมื่อไม่นานมานี้ เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า ตนกังวลเกี่ยวกับการยกระดับปฏิบัติการของอิสราเอล หลังจากออกแถลงการณ์ร่วมกับฝรั่งเศสและแคนาดา ด้านรัฐมนตรีแลมมีเตือนอีกว่า อังกฤษจะดำเนินการเพิ่มเติม หากอิสราเอลยังคงฏิบัติการทางทหารต่อไป

ส่วนเบนจามิน เนทันยา นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวว่า ประเทศกำลังทำ “สงครามอารยธรรมเหนือความป่าเถื่อน” และให้คำมั่นจะ “ยังคงปกป้องตนเองด้วยวิธีการดังกล่าวจนกว่าจะได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์”

เมื่อปีที่แล้ว อังกฤษได้ระงับใบอนุญาตส่งออกอาวุธ 30 รายการจาก 350 รายการกับอิสราเอล เนื่องจากกังวลความเสี่ยงที่อุปกรณ์ดังกล่าวอาจถูกนำไปใช้ในการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

ล่าสุด ในวันอังคาร (20 พ.ค.) ที่ผ่านมา อังกฤษได้คว่ำบาตรบุคคลและกลุ่มต่างๆ ในเขตเวสต์แบงก์ที่เชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกับการใช้ความรุนแรงต่อชาวปาเลสไตน์ ต่อยอดมาจากมาตรการคว่ำบาตรผู้ตั้งถิ่นฐานและองค์กรผู้ตั้งถิ่นฐานหลายรายที่ประกาศใช้ในปีที่แล้ว

 

อ้างอิง: Reuters