JPMorgan เตือน! นักลงทุน 'ประมาทเกินไป' จุดเสี่ยง ศก.ชะงักยังไม่สะท้อนราคาหุ้น

JPMorgan เตือน! นักลงทุน 'ประมาทเกินไป' จุดเสี่ยง ศก.ชะงักยังไม่สะท้อนราคาหุ้น

‘JPMorgan’ เตือน ตลาด และเฟดประเมินความเสี่ยงเศรษฐกิจโลก ‘ต่ำเกินไป’ ชี้ความเสี่ยงเศรษฐกิจชะงักงันยังไม่ได้สะท้อนในราคาหุ้น คาดผลกำไรบริษัทใน S&P 500 จะปรับลดลงอีก

สำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานว่า “เจมี ไดมอน” (Jamie Dimon) ซีอีโอธนาคาร JPMorgan Chase ได้แสดงความเห็นต่อเศรษฐกิจโลกเมื่อวันจันทร์ (19 พ.ค.68) ว่า ตลาด และธนาคารกลางยังประเมินความเสี่ยงที่เกิดจากการขาดดุลงบประมาณของสหรัฐที่อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ มาตรการภาษี และความตึงเครียดระหว่างประเทศ “ต่ำเกินไป”

ไดมอน กล่าวต่อว่า ความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น หรือแม้แต่ภาวะชะงักงันทางเศรษฐกิจ ยัง “ไม่ได้สะท้อนออกมา” อย่างเหมาะสมในมูลค่าตลาดหุ้น ซึ่งฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในเดือนเมษายน

“เรามีการขาดดุลงบประมาณมหาศาล และมีสิ่งที่ผมมองว่า ธนาคารกลางเกือบจะนิ่งเฉย” ไดมอน กล่าว “พวกคุณทุกคนคิดว่าธนาคารกลางสามารถจัดการเรื่องทั้งหมดนี้ได้ แต่ผมไม่คิดแบบนั้น”

“ในมุมมองของผม คนยังรู้สึกสบายใจเกินไป เพราะพวกเขายังไม่เห็นผลกระทบที่แท้จริงจากมาตรการภาษี” ไดมอน กล่าว “ตลาดหุ้นร่วงลง 10% แล้วก็กลับขึ้นมาอีก 10% นั่นแสดงถึง ‘ความประมาท’ ในระดับที่น่าตกใจ”

คำกล่าวของไดมอนมีขึ้น หลังจากที่บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถืออย่าง “มูดี้ส์” ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากกังวลภาระหนี้ของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น ตลาดการเงินเองก็มีความผันผวนอย่างมากในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ท่ามกลางความวิตกว่า มาตรการทางการค้าของโดนัลด์ ทรัมป์ อาจเร่งให้เงินเฟ้อสูงขึ้น และชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ไดมอนเชื่อว่า การคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทในดัชนี S&P 500 โดยวอลล์สตรีท ที่ปรับลดลงแล้วในช่วงสัปดาห์แรกๆ ของนโยบายการค้าของทรัมป์ “จะปรับลดลงอีก” เนื่องจากเหล่าบริษัทถอนหรือปรับลดแนวโน้มผลประกอบการของตนลง ท่ามกลางภาวะความไม่แน่นอน

ไดมอนชี้ว่า ภายใน 6 เดือน ข้อมูลคาดการณ์เหล่านั้นจะลดลงเหลือการเติบโตของกำไรเพียง 0% จากที่เคยเริ่มต้นปีด้วยตัวเลขประมาณ 12% และหากเป็นเช่นนั้น ราคาหุ้นก็น่าจะปรับตัวลดลงตามไปด้วย

“ผมคิดว่า การคาดการณ์กำไรจะถูกปรับลดลง ซึ่งนั่นหมายความว่า อัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) ก็จะลดลงตามไปด้วย” ไดมอน กล่าว 

ไดมอนยังเสริมว่า ความเป็นไปได้ของภาวะชะงักงันทางเศรษฐกิจ ซึ่งก็คือ ภาวะถดถอยที่มาพร้อมกับเงินเฟ้อนั้น สูงกว่าที่ตลาดประเมินไว้ประมาณ 2 เท่า

ทรอย รอร์บาฟ ผู้ร่วมบริหารฝ่ายธนาคารพาณิชย์ และการลงทุนของ JPMorgan กล่าวว่า รายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจในไตรมาสสอง คาดว่าจะลดลงในอัตรา 14%–16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้จากการซื้อขายหลักทรัพย์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอัตรา 5%–9%

 

อ้างอิง: cnbc

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์