เงินไหลกลับ ‘ตลาดเกิดใหม่’ ? รับกระแสทิ้งดอลลาร์-หุ้นสหรัฐแผ่ว

นักวิเคราะห์วอลล์ สตรีท คาดเงินทุนหวนคืนตลาดเกิดใหม่ ท่ามกลางดอลลาร์อ่อนค่าต่อเนื่อง 4 เดือน นักลงทุนรายใหญ่เริ่มปรับกลยุทธ์ เหตุหุ้นสหรัฐส่งสัญญาณชะลอตัว
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (19 พ.ค.) ว่า หลังจากที่ตลาดหุ้นในประเทศพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา พุ่งทะยานต่อเนื่องมานานหลายปี นักลงทุนเริ่มหันกลับมาสนใจ “ตลาดเกิดใหม่” หรือ Emerging Markets อีกครั้ง ท่ามกลางกระแสความอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ ความผันผวนของดัชนี S&P 500 และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจของสหรัฐ
บริษัทจัดการลงทุนชั้นนำจากวอลล์สตรีท เช่น มอร์แกน สแตนลีย์ อินเวสต์เมนต์ แมเนจเมนต์, เอคิวอาร์ แคปิทัล แมเนจเมนต์, แบงก์ ออฟ อเมริกา และแฟรงคลิน เทมเพิลตัน ต่างประเมินตรงกันว่าตลาดเกิดใหม่กำลังเข้าสู่ช่วงขาขึ้นรอบใหม่
ไมเคิล ฮาร์ทเน็ตต์ นักวิเคราะห์จากแบงก์ ออฟ อเมริกา ระบุว่า ตลาดเกิดใหม่อาจเป็น “ตลาดกระทิงถัดไป” ขณะที่เอคิวอาร์คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นในประเทศกำลังพัฒนาอาจให้ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 6% ในระยะเวลา 5 ถึง 10 ปีข้างหน้า ซึ่งมากกว่าที่คาดไว้สำหรับหุ้นสหรัฐ
ถึงแม้ดัชนี S&P 500 จะฟื้นตัวในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่หากนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ดัชนียังทรงตัว ขณะที่ดัชนีของตลาดเกิดใหม่ปรับตัวขึ้นกว่า 10% โดยปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลบวกอย่างมีนัยสำคัญคือการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ต่อเนื่องตลอด 4 เดือน
จิทาเนีย กันธารี รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของมอร์แกน สแตนลีย์ อินเวสต์เมนต์ แมเนจเมนต์ ระบุว่า การอ่อนค่าของดอลลาร์สามารถผลักดันผลตอบแทนของหุ้นตลาดเกิดใหม่ได้ถึงหนึ่งในสาม เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า ปีนี้กองทุนของเธอสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่า 17% และทำได้ดีกว่าเพื่อนร่วมอุตสาหกรรมถึง 97% ตามข้อมูลจากบลูมเบิร์ก
ด้าน แฟรงคลิน เทมเพิลตัน มองว่าหนี้สาธารณะของประเทศในตลาดเกิดใหม่ เช่น ตุรกี ซาอุดีอาระเบีย เกาหลีใต้ และประเทศในเอเชียหลายแห่ง อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง มีอัตราส่วนหนี้ต่อจีดีพีต่ำ จึงน่าดึงดูดใจมากกว่าสหรัฐที่หนี้สาธารณะพุ่งใกล้ 30 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 1,005 ล้านล้านบาท
คริสโตเฟอร์ โดเฮนี จากเอคิวอาร์ หันไปให้ความสนใจกับหุ้นขนาดเล็กในตลาดเกิดใหม่ ซึ่งเขาเชื่อว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะกลางถึงยาว โดยเฉพาะกลุ่มที่เน้นตอบโจทย์ความต้องการภายในประเทศ เช่น ธนาคาร พลังงานไฟฟ้า สุขภาพ และความมั่นคง
ข้อมูลจากบลูมเบิร์กระบุว่า ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 9 พ.ค. เงินลงทุนที่ไหลเข้าสู่กองทุน ETF ซึ่งเน้นลงทุนในตลาดเกิดใหม่ มีมูลค่ารวม 1.84 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 61,640 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากสัปดาห์ก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงจากความผันผวนในระดับท้องถิ่น รวมถึงค่าใช้จ่ายในการลงทุนที่สูงในบางประเทศ เช่น จีนและอินเดีย ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนบางส่วนยังลังเล
กาเบรียลา ซานโตส หัวหน้านักกลยุทธ์การตลาดประจำภูมิภาคอเมริกาของเจพีมอร์แกน แอสเซท แมเนจเมนต์ มองว่า แม้เม็ดเงินจากตลาดสหรัฐจะยังไม่ไหลเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่อย่างเด่นชัด แต่หากค่าเงินดอลลาร์ยังอ่อนค่าต่อเนื่อง ก็อาจเห็นการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนขึ้นในไม่ช้า
อ้างอิง: Bloomberg






