วิเคราะห์ สหรัฐ-จีน พักรบสงครามการค้า 90 วัน | เศรษฐศาสตร์บัณฑิต

วิเคราะห์ สหรัฐ-จีน พักรบสงครามการค้า 90 วัน | เศรษฐศาสตร์บัณฑิต

อาฑิตย์ที่แล้ว ทีมเจรจาการค้าสหรัฐและจีน แถลงผลการเจรจารอบแรก โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะลดอัตราภาษีสินค้านำเข้าที่คิดระหว่างกันลงเป็นการชั่วคราว เป็นเวลา 90 วัน

สหรัฐจะลดอัตราภาษีที่คิดกับสินค้านำเข้าจากจีนที่เคยประกาศไว้สูงถึงร้อยละ 145 ลงเหลือร้อยละ 30 ขณะที่จีนจะลดอัตราภาษีที่คิดกับสินค้านําเข้าจากสหรัฐที่ประกาศไว้ที่ร้อยละ 125 ลงเหลือร้อยละ 10  เป็นการพักรบสงครามการค้าระหว่างสองประเทศเป็นการชั่วคราว ซึ่งเป็นข่าวดี

แต่คําถามคือทิศทางสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจะไปอย่างไรต่อหลัง 90 วันผ่านไป นี่คือประเด็นที่จะเขียนวันนี้

การประกาศผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งเป็นการเจรจารอบแรก เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมต้องถือว่ามาเร็วกว่าที่ทุกฝ่ายคาด คือมาหลังมีการประกาศข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐกับสหราชอาณาจักรเพียงสี่วัน

ทั้งที่ความสัมพันธ์การค้าระหว่างสหรัฐกับสหราชอาณาจักรเทียบกับสหรัฐกับจีนนั้นต่างกันแบบสุดโต่ง คือ สหรัฐเกินดุลการค้ากับสหราชอาณาจักร แต่กับจีน สหรัฐขาดดุลการค้ากับจีนมากสุด คือ เกือบ 3แสนล้านดอลลาร์ปีที่แล้ว

ทําให้การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน จะต้องยากกว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับสหราชอาณาจักรมาก ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะที่สหรัฐกับจีนประกาศเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมไม่ใช่ข้อตกลงทางการค้า เป็นเพียงความเห็นร่วมกันที่จะพักรบสงครามการค้าเป็นการชั่วคราว

และในช่วงพักรบต่างฝ่ายจะลดอัตราภาษีลงในอัตราเท่ากันคือร้อยละ 115 ทำให้อัตราภาษีของทั้งสองประเทศจะถอยกลับไปใกล้เคียงกับอัตราที่เคยมีก่อนวันที่ 2 เมษายน และหลัง 90วันผ่านไปก็จะเริ่มต้นกันใหม่ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น

ในรายละเอียด สาระที่ประกาศคือ 

หนึ่ง ทั้งสองฝ่ายจะหยุดอัตราภาษีต่างตอบแทน หรือ reciprocal tariffs ที่ต่างฝ่ายใช้ตอบโต้กันไว้ก่อนเป็นการชั่วคราว คือ 90 วัน

สอง ในช่วง 90 วัน อัตราภาษีที่สหรัฐจะคิดกับสินค้านําเข้าจากจีนจะเป็นร้อยละ 30 คืออัตราภาษีทั่วไปร้อยละ 10 บวกอัตราร้อยละ 20 ที่สหรัฐคิดกับสินค้านําเข้าจากจีนก่อนวันที่ 2 เมษายน ไม่มีภาษีต่างตอบแทนที่ประกาศเมื่อวันที่ 2 เมษายนหรือหลังจากนั้น

สาม สําหรับจีน ในช่วง 90วัน อัตราภาษีที่จีนคิดกับสินค้านําเข้าจากสหรัฐคือร้อยละ 10 พร้อมกับสัญญาที่จะระงับหรือยกเลิกมาตรการกีดกันทางการค้าที่จีนประกาศใช้หลังวันที่ 2 เมษายน

สี่ ยืนยันว่าการเจรจาทางการค้าระหว่างทั้งสองประเทศจะมีต่อไป

นี่คือข้อสรุปของสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งชัดเจนว่า ไม่ใช่ข้อตกลงการค้า เป็นเพียงการหยุดยิงหรือพักรบชั่วคราวของสงครามการค้าของสองประเทศ ทําให้ความไม่แน่นอนยังมีอยู่ ไม่หมดไป และไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลัง 90วันมาถึงในเดือนสิงหาคม ซึ่งเรื่องนี้ผมอยากตั้งข้อสังเกตดังนี้

หนึ่ง แม้การเมืองของทั้งสองประเทศจะตั้งป้อมไม่ยอมกัน และแสดงท่าทีพร้อมรบในสงครามการค้า แต่ที่ทั้งสองประเทศต้องยอมเหมือนกันและให้ความสําคัญ คือผลที่สงครามการค้ามีต่อเศรษฐกิจและประชาชนในประเทศของตน

ซึ่งชัดเจนว่าในช่วงห้าเดือนปีนี้ การค้าระหว่างสองประเทศได้ลดลงมาก นํามาสู่ภาวะขาดแคลนสินค้าและค่าครองชีพในรูปอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น 

กรณีสหรัฐ อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไตรมาสหนึ่งปีนี้ติดลบร้อยละ 0.3 และคาดว่าจะทรุดลงมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

สถาบันการเงิน Goldman Sachs ประเมินว่าความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยปีนี้อยู่ที่ 35 เปอร์เซนต์ ขณะที่เศรษฐกิจจีนก็ชะลอ ประชาชนลดการใช้จ่าย อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น และอัตราเงินเฟ้อติดลบ แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจจีน

ด้วยเหตุนี้ การประกาศพักรบและลดอัตราภาษีลงชั่วคราวจึงจําเป็นและเป็นการเห็นชอบของทั้งสองฝ่ายเพื่อให้การค้าและเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศสามารถไปต่อได้

สอง เทียบกับการเจรจากับสหราชอาณาจักร ที่ข้อตกลงระหว่างสหรัฐกับสหราชอาณาจักรครอบคลุมทั้งสี่ประเด็นของการเจรจาการค้า คือ อัตราภาษี มาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี พิธีการศุลกากร และข้อยกเว้น

การเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนขณะนี้ ยังไม่มีความคืบหน้าหรือความชัดเจนในทั้งสี่ประเด็น มีแต่การถอยอัตราภาษีที่ตอบโต้กันหลังวันที่ 2 เมษายนกลับไปสู่ระดับก่อนวันที่ 2 เมษายน เพื่อให้การค้าและเศรษฐกิจไปต่อได้

เป็นที่ทราบกันดีว่าประเด็นการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนนั้นมีมาก โดยเฉพาะการกีดกันทางการค้าและการห้ามส่งออกและห้ามนําเข้าสินค้าบางประเภทด้วยเหตุผลความมั่นคงและการแข่งขันทางเศรษฐกิจ

เรื่องเหล่านี้ละเอียดอ่อนและคงจะตกลงกันยาก ทําให้การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจะใช้เวลา โดยไม่มีใครรู้ว่าผลจะเป็นอย่างไร จะจบเมื่อไร ทําให้ความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลกจะมีอยู่ต่อไป

ตลาดการเงินตระหนักเรื่องนี้ดี เห็นได้จากอัตราดอกเบี้ยในตลาดพันธบัตรสหรัฐที่ปรับสูงขึ้น หลังการเเถลงข่าววันที่ 12 พฤษภาคม

สาม ถ้าจะถามว่าทั้งสองฝ่ายต้องการอะไรจากสงครามนี้เพื่อเป็นแนวสำหรับวิเคราะห์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคมหลังการพักรบ 90 วัน ชัดเจนว่าที่ทีมสหรัฐยํ้ามากคือ สหรัฐไม่ต้องการหย่าร้างทางเศรษฐกิจกับจีน หรือ decouple

คือยังต้องการค้าขายกับจีน แต่ต้องการการค้าแบบสมดุล หรือ Balanced ซึ่งยากมากเพราะขนาดการขาดดุลการค้าของสหรัฐกับจีนนั้นมหาศาล ขณะที่จีนต้องการ ความชัดเจน ความแน่นอน ในนโยบายการค้าของสหรัฐ ซึ่งก็ยากเช่นกัน

เพราะบริบทนโยบายการค้าของสหรัฐได้ไปไกลกว่าเรื่องประสิทธิภาพ แต่รวมไปถึงประเด็น เช่น ความมั่นคง ภูมิรัฐศาสตร์ การเลือกข้างด้านเทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม

ทั้งหมดเป็นประเด็นยาก และนี่คือช่องว่างที่ทำให้ความไม่แน่นอนในการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจะมีต่อไปอีกนาน

วิเคราะห์ สหรัฐ-จีน พักรบสงครามการค้า 90 วัน | เศรษฐศาสตร์บัณฑิต

คอลัมน์ เศรษฐศาสตร์บัณฑิต

ดร.บัณฑิต นิจถาวร

ประธานมูลนิธินโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล

[email protected]