เจมี ไดมอน ชี้ 4 เหตุผล ยังกังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย แม้บรรลุดีลการค้ากับจีน

เจมี ไดมอน ชี้ 4 เหตุผล ยังกังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย  แม้บรรลุดีลการค้ากับจีน

เจมี ไดมอน ซีอีโอ JPMorgan Chase ชี้ 4 ปัจจัยฉุดรั้ง เตือนเศรษฐกิจสหรัฐเสี่ยงถดถอย  แม้สงครามภาษีเริ่มคลี่คลาย หลัง 'จีน-สหรัฐ' บรรลุดีลข้อตกลงการค้ากับจีน

เว็บไซต์บิสสิเนสอินไซเดอร์รายงานมุมมองของ “เจมี่ ไดมอน”  ซีอีโอ JPMorgan Chase เตือนว่ายังมีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะ “ถดถอย”  ถึงแม้ว่า ก่อนหน้านี้การคาดการณ์ที่มองว่าเศรษฐกิจจะเพียงแค่ "ชะลอตัว" ได้ถูกปรับลดระดับความรุนแรงลงแล้วก็ตาม หลังจากความตรึงเครียดในสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเบาลงในความคืบหน้าล่าสุดจากข้อตกลงการค้า 

 "ตัวผมเองจะรับฟังความเห็นจากนักเศรษฐศาสตร์ที่ประเมินว่าโอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยอยู่ที่ประมาณ 50% แต่หากเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยขึ้นจริง ยังไม่รู้ว่าจะรุนแรงขนาดไหน หรือจะกินเวลานานแค่ไหน พร้อมปิดท้ายด้วยการย้ำจุดยืนว่า "หวังว่าเราจะหลีกเลี่ยงภาวะดังกล่าวได้ แต่ ณ ตอนนี้ ผมยังจะไม่ตัดเรื่องนี้ทิ้ง"

4 ปัจจัยฉุดรั้ง เศรษฐกิจยังน่าห่วง

เจมี่ ไดมอน ยังไม่กล้าฟันธงอย่างชัดเจนว่าเศรษฐกิจจะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอยนั้น เพราะมองเห็น 4 ปัจจัยที่ทำให้เกิดความไม่แน่นอนหลายๆ อย่างที่ยังคงส่งผลกระทบต่อทั้งตลาดการเงินและเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ โดยเขาได้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาต่างๆ ที่น่ากังวล เช่น ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังไม่คลี่คลาย ภาระหนี้ของประเทศอเมริกาที่เพิ่มสูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และประเด็นเรื่องภาษีศุลกากรที่ยังเป็นปัญหา ปัจจัยเหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้เขา ยังคงมีความลังเลและไม่มองข้ามความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะถดถอยไปโดยสิ้นเชิง

เจมี่ ไดมอน ได้กล่าวกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กในงานประชุม Global Markets ประจำปีของ JPMorgan เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า  4 ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ และส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงต้นสัปดาห์นี้ นักวิเคราะห์ของธนาคาร JPMorgan ได้ให้มุมมองที่แตกต่างออกไป โดยประเมินว่าความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ลดลงมาอยู่ต่ำกว่า 50% แล้ว จากเดิมที่เคยคาดไว้สูงถึง 60% การปรับลดตัวเลขความเสี่ยงนี้เกิดขึ้นหลังจากมีการประกาศความคืบหน้าเรื่องกรอบข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน แต่ถึงอย่างนั้น นักวิเคราะห์ก็ยังย้ำว่าความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะถดถอยก็ยังถือว่าอยู่ใน "ระดับสูง"

แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐจะได้ลดภาษีศุลกากรบางส่วนลงไปแล้ว โดยเฉพาะกับจีน แต่การลดภาษีส่วนใหญ่นั้น เป็นการลดแบบชั่วคราว และมีผลผูกพันอยู่กับกรอบเวลาแค่ 90 วัน ในขณะที่การเจรจาข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ยังคงดำเนินต่อไป

"ผมไม่คิดว่าปัญหาต่างๆ จะได้รับการแก้ไขให้ทุกคนพอใจได้ทันท่วงที" และเสริมว่า แม้จะมีการลดภาษีศุลกากรลงแล้ว การตัดสินใจเรื่องการลงทุนก็ยังคงทำได้ยากอยู่ดี โดยยกตัวอย่างว่า "แม้ในระดับภาษีที่ลดลงเท่านี้ สะท้อนจากนักลงทุนหรือภาคธุรกิจที่ยังคงชะลอการลงทุนออกไป และยังคงพิจารณาอย่างรอบคอบว่าพวกเขาควรจะทำอะไรต่อไป"

 ในสถานการณ์ปัจจุบัน ไดมอนก็ยังคงประเมินว่าความผันผวน จะยังคงดำเนินต่อไป และมองว่าจะเป็นความผิดพลาดอย่างยิ่ง ถ้าหากเราจะสามารถผ่านพ้นความท้าทายและปัญหาต่างๆ ที่กำลังเผชิญอยู่ไปได้โดยง่าย และคาดหวังว่าความผันผวนในตลาดจะลดน้อยลงทันที

อ้างอิง businessinsider