เทียบฟอร์มยอดขายรถในอาเซียน 'เวียดนาม' นำโด่งสวนทุกประเทศ

'เวียดนาม' ทำยอดขายรถยนต์ไตรมาสแรก โตแซงหน้าทุกประเทศในกลุ่ม 5 ชาติอาเซียน สวนทาง 'ไทย-มาเลย์-อินโดนีเซีย' ที่โตลดลง ขณะที่รถยนต์ 'อีวีจีน' ยังเป็นตัวหลักขับเคลื่อนตลาด
ยอดขายรถยนต์ของ "เวียดนาม" ในไตรมาสแรกของปี 2025 นี้เติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 24% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเติบโตเร็วกว่าตลาดรถยนต์ขนาดใหญ่กว่าของประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องมาจากแนวโน้มสภาพเศรษฐกิจที่เอื้ออำนวยในเวียดนาม
สำนักข่าวนิกเคอิเอเชียรวบรวมข้อมูลยอดขายรถยนต์เดือนม.ค. - มี.ค. จาก 5 ตลาดใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม พบว่า ยอดขายรถยนต์ทั้งหมดใน 5 ประเทศอยู่ที่ประมาณ 732,898 คัน ลดลง 1.7% จากปีก่อน
ในจำนวนนี้ "เวียดนาม" ขึ้นแท่นเป็นตลาดที่มียอดขายเติบโตสูงที่สุดในอาเซียน โดยมียอดขายในไตรมาสที่แล้วขยายตัวถึง 24% เมื่อเทียบไตรมาสเดียวกันของปีก่อน รองลงมาคือ "ฟิลิปปินส์" ที่มียอดขายเติบโตขึ้น 7%
ในทางกลับกัน สามตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนคือ "อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย" มียอดขายเติบโตลดลงทั้งหมด โดยอินโดนีเซียซึ่งเป็นตลาดใหญ่สุดอันดับหนึ่งมียอดขายเติบโตลดลง 5% ในขณะที่มาเลเซีย และไทยลดลง 7% ทั้งคู่
'เวียดนาม' รับอานิสงส์ลงทุนภาครัฐ
การเติบโตของตลาดรถยนต์ในเวียดนามนำโดยกลุ่ม "รถยนต์ไฮบริด" เติบโตสูงที่สุดโดยเพิ่มขึ้น 80% เมื่อเทียบปีก่อนเป็น 2,562 คัน ค่ายรถยนต์หลายแบรนด์ทยอยเปิดตัวรถไฮบริดกันอย่างคับคั่งมาตั้งแต่ปีที่แล้ว อาทิ "โตโยต้า มอเตอร์" (Toyota Motor) ซึ่งเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศ โดยมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 14% เปิดตัวรถรุ่นแคมรี่ ไฮบริด ส่วน "ซูซูกิ มอเตอร์" (Suzuki Motor) เปิดตัวเอสยูวีไฮบริด XL7 ในเดือนก.ย. เช่นกัน
ในแง่ของยอดขาย รถยนต์เชิงพาณิชย์ และรถบรรทุกเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยอดขายในเวียดนามเติบโต โดยเพิ่มขึ้น 22% เป็น 15,445 คัน และเพิ่มขึ้น 21% เป็น 13,400 คันตามลำดับ โดยส่วนหนึ่งอาจมาจากการลงทุนภาครัฐที่เพิ่มขึ้น
ในไตรมาสแรกที่ผ่านมา รัฐบาลกรุงฮานอยได้ใช้งบประมาณลงทุนภาครัฐมากขึ้นเพื่อพยายามบรรเทาผลกระทบจากสงครามการค้าที่มีต่อเศรษฐกิจในประเทศ โดยมีการลงทุนสาธารณะเพิ่มขึ้น 19.8% เป็น 4.67 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบปีที่แล้ว
ถุก ถั่น นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมรถยนต์จากบริษัทหลักทรัพย์ เวียต แคปิทัล ซีเคียวริตีส์ เปิดเผยว่า คาดว่ายอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของเวียดนาม ไม่รวมวินฟาสต์และแบรนด์หรูบางยี่ห้อ จะเติบโตขึ้น 15% ในปี 2568 โดยได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงแรงจูงใจในการขายที่น่าดึงดูดอย่างต่อเนื่องจากบริษัทรถยนต์ และการเปิดตัวรถยนต์ราคาประหยัดรุ่นต่างๆ
“แต่การคาดการณ์ของเรายังไม่ได้รวมผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นจากการเจรจาภาษีศุลกากรมาคำนวณรวมด้วย กรณีพื้นฐานของเราคือ ภาษีศุลกากรของเวียดนามอาจสูงกว่าค่าเฉลี่ยประมาณ 5 - 10% และอัตราที่สูงขึ้นอาจเสี่ยงกระทบต่อการคาดการณ์ยอดขายหรือการส่งมอบรถยนต์ของเรา” นักวิเคราะห์กล่าว
ทั้งนี้ สถิติของสมาคมผู้ผลิตยานยนต์เวียดนามไม่ได้รวมเอารถยนต์ของบริษัท "วินฟาสต์" (Vinfast) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติเวียดนามที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นแนสแด็ก และยอดขายของบริษัท "ฮุนได มอเตอร์" (Hyundai Motor) จากเกาหลีใต้ซึ่งผลิตและจำหน่ายภายใต้กลุ่มบริษัท Thanh Cong Group รวมไปด้วย
วินฟาสต์ ซึ่งเป็นบริษัทรถยนต์อีวีในประเทศภายใต้เครือวินกรุ๊ป มียอดขาย 35,100 คันในไตรมาสแรก ส่วนฮุนไดอยู่ที่ 11,464 คัน หากรวมเข้ากับสถิติอย่างเป็นทางการ ยอดขายรถยนต์ของเวียดนามจะอยู่ที่ 118,813 คัน แซงหน้ายอดขายของฟิลิปปินส์ ซึ่งอยู่ที่ 117,074 คัน และขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 4 ในอาเซียนได้เป็นครั้งแรก
สำหรับ "ฟิลิปปินส์" ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นเพียงอีกหนึ่งประเทศที่มียอดขายเติบโตขึ้นในไตรมาสที่แล้ว โดยขยายตัวเพิ่มขึ้น 7% เป็น 117,074 คัน ยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลลดลง 13.7% แต่ยอดขายรถยนต์เชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้น 13.9% ส่วนยอดขายรถยนต์อีวีและไฮบริดมีทั้งหมด 4,544 คัน คิดเป็นสัดส่วน 5.73% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด
ไทย' ดีขึ้นรายไตรมาสจากกลยุทธ์หั่นราคา
ขณะที่ "ประเทศไทย" หากเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน การเติบโตของยอดขายรถในไตรมาสแรกจะลดลง 7% อยู่ที่ 153,193 คัน
ยอดขายรถกระบะลดลง 13% อยู่ที่ 40,475 คัน และยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ลดลง 14% อยู่ที่ 37,555 คัน แต่ยอดขายรถยนต์อีวีเพิ่มขึ้น 19% อยู่ที่ 22,737 คัน นำโดยแบรนด์จีนอย่าง "บีวายดี" (BYD) ซึ่งยอดขายเฉพาะในเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 2.8 เท่า เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 3,204 คัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส ยอดขายรถยนต์ของไทยเติบโตขึ้น 14% จากไตรมาส 4 ปี 2024 และกลับมาแตะระดับ 150,000 คันได้เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาส
แม้ว่าปกติแล้วยอดขายมักจะลดลงในไตรมาสแรก เพราะเป็นช่วงหลังฤดูกาลชอปปิงคริสต์มาส และปีใหม่ก็ตาม แต่ยอดขายรถที่เพิ่มขึ้นในไทยช่วงไตรมาสแรกนี้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ "โปรโมชันของบริษัทรถยนต์และการลดราคา" หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตลาดเผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูง ซึ่งกระตุ้นให้ธนาคารพาณิชย์คุมเข้มการปล่อยสินเชื่อรถยนต์เข้มงวดขึ้น
'มาเลเซีย' รับอีวีจีนบุกหนัก
ทางด้าน "มาเลเซีย" ซึ่งแซงประเทศไทยขึ้นเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ในอาเซียนเมื่อปีที่แล้ว และขยับขึ้นไปใกล้ตลาดใหญ่สุดอย่างอินโดนีเซีย มาในปีนี้ตลาดกลับชะลอตัวลง ยอดขายในไตรมาสแรกลดลง 7.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี เหลือ 188,100 คัน เนื่องจากตลาดเริ่มกลับสู่ภาวะปกติหลังจากเคลียร์คำสั่งซื้อที่ค้างอยู่ก่อนหน้านี้
ข้อมูลจากธนาคารเพื่อการลงทุนหงเหลียง พบว่า ยอดขายช่วงสองเดือนแรกซบเซามากและเพิ่งมาฟื้นได้ในเดือนที่สาม เฉพาะเดือนนี้ยอดขายเพิ่มขึ้น 2.2% เป็น 7.27 หมื่นคัน เพราะได้แรงอัดแคมเปญอย่างหนักจากบรรดาค่ายรถยนต์
บรรดาผู้บริหารในอุตสาหกรรมคาดว่า ยอดขายรถยนต์อีวีในมาเลเซียจะเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปี โดยมี "แบรนด์จีน" และ "แบรนด์ท้องถิ่น" ขับเคี่ยวกันในตลาด เมื่อเดือนที่แล้ว แบรนด์รถยนต์แห่งชาติอย่าง "โปรตอน" (Proton) เปิดเผยว่า e.MAS 7 ซึ่งเป็นรถอีวีตัวแรกของค่ายที่เปิดตัวเมื่อเดือนธ.ค. ที่ผ่านมา มียอดจองไปถึงกว่า 5,500 คัน และมีการส่งมอบรถไปแล้วกว่า 1,800 คัน และบริษัทคาดว่าจะเปิดตัวรถอีวีรุ่นสองตามมาภายในปีนี้ด้วย
ส่วนค่ายจีนอย่าง "เกรท วอลล์ มอเตอร์" เปิดเผยว่า "จะมีบริษัทรถยนต์ของจีนราว 13-14 แห่ง เข้ามาทำตลาดในมาเลเซียภายในสิ้นปีนี้" โดยผู้บริหารฝ่ายขายของเกรท วอลล์ กล่าวว่า แบรนด์รถยนต์ของจีนมีราคาที่แข่งขันได้และไม่แพง และยังกล่าวอีกว่าผู้บริโภคชาวมาเลเซีย "คลั่งไคล้รถยนต์" โดยมีรถยนต์มากกว่าคนในประเทศอื่นๆ ในอาเซียน
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







