‘สหรัฐ’ อนุมัติขายขีปนาวุธให้ ‘ตุรกี’ 1 หมื่นล้านบาท หวังกระชับสัมพันธ์

สหรัฐอนุมัติจำหน่ายขีปนาวุธให้กับตุรกี มูลค่า 304 ล้านดอลลาร์ หรือราว 10,000 ล้านบาท เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและการป้องกันประเทศระหว่างกัน หลังความสัมพันธ์สั่นคลอนเพราะตุรกีซื้อระบบขีปนาวุธรัสเซีย
สหรัฐอนุมัติจำหน่ายขีปนาวุธมูลค่า 304 ล้านดอลลาร์ให้กับตุรกี เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าและด้านการป้องกันประเทศ
ข้อตกลงดังกล่าวที่ยังต้องรอให้สภาคองเกรสลงนาม มีขึ้นขณะที่มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเยือนตุรกีเพื่อเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ในวันพฤหัสบดี (15 พ.ค.) โดยคาดว่า รูบิโอจะเดินทางไปอิสตันบูล หลังจากมีการหารือที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเจ้าหน้าที่รัสเซียและยูเครนเกี่ยวกับการหยุดยิงในนครอิสตันบูลเช่นกัน
สำนักงานความร่วมมือด้านความมั่นคงกลาโหม ระบุว่า ตุรกีได้ขอซื้อขีปนาวุธปล่อยจากอากาศสู่อากาศพิสัยกลางล้ำสมัยจำนวน 53 ลูก จากสหรัฐ ซึ่งคาดว่ามีมูลค่า 225 ล้านดอลลาร์ (ราว 8,500 ล้านบาท) และสั่งซื้อขีปนาวุธ Block II จำนวน 60 ลูก มูลค่า 79.1 ล้านดอลลาร์ (ราว 2,600 ล้านบาท) ซึ่งบริษัทอาร์ทีเอ็กซ์ คอร์เปอเรชัน เป็นบริษัทรับเหมาผลิตอาวุธเหล่านั้น
เรเจป ไตยิป เอร์โดอาน ประธานาธิบดีของตุรกี กำลังหาโอกาสประชุมกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐอย่างจริงจังเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่ตึงเครียด จากการที่รัฐบาลอังการาซื้อระบบป้องกันขีปนาวุธของรัสเซีย และวอชิงตันสนับสนุนกองกำลังติดอาวุธชาวเคิร์ดในซีเรีย ที่ตุรกีมองว่าเป็นภัยคุกคามต่อประเทศ และทั้งสองยังมีข้อพิพาทอื่นๆ อีกด้วย
อย่างไรก็ดี ตุรกีและสหรัฐได้หารือกันเกี่ยวกับการรวมกองกำลังชาวเคิร์ดที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ และมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนของตุรกีที่ชื่อ PKK เข้าเป็นกองทัพซีเรียแห่งใหม่ และเมื่อต้นสัปดาห์กลุ่ม PKK ประกาศเตรียมวางอาวุธเพื่อยุติสงครามแย่งชิงอำนาจปกครองตนเองกับตุรกีที่ดำเนินมายาวนาน 40 ปี ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่อาจช่วยส่งเสริมรัฐบาลอังการาขึ้นเป็นมหาอำนาจในภูมิภาค
ด้านเพนตากอนมีแผนที่จะรวมปฏิบัติการในซีเรียและถอนทหารให้เหลือไม่ถึง 1,000 นาย ข๊ณะที่อังการาเสนอส่งทหารตุรกีหลายพันนายที่ประจำการอยู่บริเวณชายแดน ช่วยรักษาเสถียรภาพให้กับเพื่อนบ้านที่กำลังประสบปัญหาสงคราม
นอกจากนี้ ตุรกีก็เตรียมให้ความช่วยเหลือในการติดตามการหยุดยิงระหว่างรัสเซียและยูเครนที่อาจเกิดขึ้นในทะเลดำ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของสหรัฐที่ต้องการรักษาเสถียรภาพในภูมิภาค
ตุรกีได้แสดงความตั้งใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า จะเพิ่มเครื่องบินรบ F-35 ในแผนจัดซื้ออาวุธ แต่ต้องรอให้สหรัฐยกเลิกการสั่งห้ามตุรกีซื้อเครื่องบินรบรุ่นที่ 5 ก่อน หลังจากตุรกีซื้อระบบป้องกันขีปนาวุธ S-400 ของรัสเซีย ซึ่งการสั่งซื้อ S-400 จากรัสเซีย ทำให้ตุรกีมีความขัดแย้งกับวอชิงตัน และผลักดันให้วอชิงตันต้องใช้มาตรการคว่ำบาตร CAATSA โดยมุ่งเป้าไปยังอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของตุรกี และถอนตุรกีออกจากโครงการพัฒนา F-35
ขณะที่อังการาปฏิเสธการทิ้งระบบ S-400 ตามที่วอชิงตันเรียกร้อง แต่มีความหวังสูงว่า ทรัมป์อาจยอมแก้ไขมาตรการ CAATSA เพื่อให้ตุรกีสามารถซื้อเครื่องบิน F-35 ของบริษัทล็อกฮีด มาร์ติน Lockheed Martin ได้
นอกจากจะกระชับสัมพันธ์ด้านกลาโหมแล้ว ตุรกียังได้พิจารณานำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวจากสหรัฐเพิ่มขึ้นและอยู่ระหว่างการสรุปคำสั่งซื้อเครื่องบินจากบริษัทโบอิง (Boeing) ด้วย
ทั้งนี้ สหรัฐและตุรกีมีกองทัพขนาดใหญ่ที่สุดในนาโต ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจึงเป็นแนวทางที่ดีที่จะรักษาความเป็นพันธมิตรที่มีมายาวนาน 70 ปี
อ้างอิง: Bloomberg