ลุ้นทริปแคชเมียร์ในฝัน ทัวร์สันติภาพสองประเทศ l World Pulse

แคชเมียร์ ดินแดนงดงามแถบเทือกเขาหิมาลัยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในฝันของใครหลายๆ คน ที่ยังไม่เคยไปก็อยากจะไป ที่ไปแล้วก็อยากไปอีก
World Pulse ได้ยินชื่อแคชเมียร์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่สมัยก่อนตอนเป็นเยาวรุ่นคิดว่าแคชเมียร์เป็นของอินเดีย ยังไม่รู้ว่าแคชเมียร์มีทั้งในส่วนของอินเดียและปากีสถานผลพวงจากประวัติศาสตร์อันซับซ้อนยุคอาณานิคม ภาพดินแดนงดงามแถบหิมาลัยที่ได้ชื่อว่าสวิตเซอร์แลนด์แห่งเอเชียมาปรากฏชัดจากการชมภาพยนตร์เรื่อง Bajrangi Bhaijaan ในปี 2015 เรื่องราวของหนุ่มซื่อชาวอินเดีย ผู้ช่วยเหลือเด็กหญิงใบ้วัย 6 ขวบชาวปากีสถานไว้ได้ขณะเธอพลัดหลงกับแม่ในนิวเดลี ด้วยจิตใจอันงดงามเขามีหน้าที่ต้องพาเธอไปส่งบ้านเกิดที่อาซัดแคชเมียร์ในปากีสถาน ในเมื่อเป็นหนังอินเดียแน่นอนว่าอินเดียก็ต้องเป็นพระเอก แต่ปากีสถานก็ไม่ใช่ผู้ร้ายแต่อย่างใด ถือเป็นหนังฟีลกู๊ดบอกเล่าเรื่องความขัดแย้งอย่างได้อรรถรส
กระนั้นการรับรู้เรื่องแคชเมียร์อย่างจริงจังของ World Pulse เกิดขึ้นเมื่อได้อ่านหนังสือ “Indian Summer: The secret history of the end of an empire” โดย อเล็กซ์ ฟาน ทัลซัลมานน์ นักเขียน นักประวัติศาสตร์ คอลัมนิสต์ และนักเขียนบทภาพยนตร์ หนังสือเล่มนี้มีบทที่ว่าด้วยแคชเมียร์โดยเฉพาะ ยิ่งเมื่อ สุภัตรา ภูมิประภาส อดีตนักข่าวที่ผันตัวไปเป็นนักแปลดังผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์บริติชราช แปลเป็นไทยในชื่อ "Indian Summer:ประวัติศาสตร์ลับปิดฉากจักรวรรดิอังกฤษ" ก็ช่วยให้เข้าใจความเป็นมาเป็นไปของข้อพิพาทได้ดียิ่งขึ้น
แต่อ่านหนังสือหมื่นเล่มหรือจะสู้เดินทางหมื่นลี้? เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาสุภัตราแย้มว่า เธอกำลังจัดทริปอินเดีย-ปากีสถานช่วงปลายเดือน ก.ย.นี้ เป้าหมายปลายทางหลักอยู่ที่ แคชเมียร์ – อัมริตสาร์ – ลาฮอร์ – เดลี อ่านโปรแกรมทัวร์แล้วถือว่าไม่ใช่การโฆษณาเกินจริงที่ผู้จัดจะบอกว่า นี่คือการเยือนดินแดนที่งดงามที่สุดในอนุทวีป แล้วไปตามรอยประวัติศาสตร์รุ่งโรจน์และร้าวรานของ 2 เมืองบน 2 ฟากฝั่งรัฐปัญจาบ กวาดสายตาดูโปรแกรมคร่าวๆ ทุกจุดล้วนน่าไปเยือน เช่น กุลมาร์ก ทุ่งดอกไม้แห่งแคชเมียร์ สถานีบนเขายุคอาณานิคม, โบสถ์เซนต์แมรีส์ “สิ่งมหัศจรรย์ทางสถาปัตยกรรมยุควิกตอเรีย”, อุทยานโมกุลริมทะเลสาบดาล, วิหารทองคำเมืองอมริตสาร์, ด่านอัตตารี-วากะห์พรมแดนระหว่างอินเดียและปากีสถาน ชมพิธีปิดด่านพรมแดนประจําวันที่น่าตื่นตาตื่นใจ เมื่อเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายทำหน้าตาขึงขัง กระทืบเท้าใส่กันข่มขวัญคู่อริ ท่ามกลางเสียงเชียร์คนละฝั่ง ราวกับจะห้ำหั่นให้ราบคาบกันไปข้างหนึ่ง จากนั้นทริปมีกำหนดข้ามฝั่งเข้าสู่ปากีสถาน ชมความงดงามของเมืองลาฮอร์ ก่อนกลับมายังอินเดีย
มัคคุเทศก์นำเที่ยวนอกจากตัวสุภัตราเอง ยังได้สมฤทธิ์ ลือชัย นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และพุทธศาสนาร่วมให้ความรู้ ดูโปรแกรมและตัวมัคคุเทศก์แล้วคนรักประวัติศาสตร์ต้องน้ำลายหก แต่จู่ๆ กลับเกิดเหตุไม่คาดฝันเมื่อกลุ่มคนร้ายบุกเข้ามากราดยิงนักท่องเที่ยวในเมืองปาหัลคามในแคชเมียร์ของอินเดีย เมื่อวันที่ 22 เม.ย. มีผู้เสียชีวิต 26 คน บรรยากาศการท่องเที่ยวหยุดชะงักไปทันทีกลายเป็นความหวาดวิตกขึ้นมาแทน
World Pulse เร่งเช็กข่าวกับคนในพื้นที่ โดยสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่อินเดียที่พอจะรู้จักอยู่บ้าง ได้ความว่า ขอให้ใจเย็นๆ กว่าคณะทัวร์ชุดนี้จะไปเที่ยวก็ปลายเดือน ก.ย. ยังพอมีเวลารอให้เหตุการณ์ลงตัว กว่าจะได้คำตอบจริงๆ ก็น่าจะประมาณเดือน ส.ค. แต่ที่แน่ๆ คือการข้ามจากอินเดียไปลาฮอร์ทำไม่ได้แล้ว ลองเช็กจากแหล่งข่าวฝ่ายปากีสถานได้คำตอบทำนองเดียวกันว่า ปลายเดือน ก.ย.นั้นอีกนาน แต่ก็ไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ข่าวดีคือขณะเขียนต้นฉบับทั้งสองฝ่ายหยุดยิงกันไปแล้วตั้งแต่วันเสาร์ (10 พ.ค.) แต่สงครามทางวาจายังคงมีอยู่ในหน้าสื่อ อย่างไรก็ตามการปะทะคารมย่อมดีกว่าปะทะกันด้วยกระสุน ตอนนี้ลูกทัวร์และผู้จัดต่างลุ้นว่าเวลาที่เหลือสี่เดือนสถานการณ์จะดีขึ้นหรือไม่ ถ้ารัฐบาลสองประเทศยังตกลงกันไม่ได้ ทัวร์ก็อาจจะเปลี่ยนไปเที่ยวจุดอื่นในอินเดียแทน แต่ถ้าเกิดความสงบและอินเดีย-ปากีสถานหันมาเปิดพรมแดนระหว่างกัน แคชเมียร์ในฝันก็อยู่แค่เอื้อม เผลอๆ คณะของเราอาจได้ชื่อว่าทัวร์สันติภาพ! ได้ท่องแคชเมียร์ทั้งสองฟากฝั่งความขัดแย้ง







