ธุรกิจญี่ปุ่นแบกหนี้ไม่ไหว ยื่นล้มละลายนับหมื่น สูงสุดในรอบ 11 ปี

ธุรกิจญี่ปุ่นแบกหนี้ไม่ไหว นับหมื่นขอยื่นล้มละลาย สูงสุดในรอบ 11 ปี ธุรกิจขนาดเล็กเจ็บหนักสุด เพราะราคาสินค้า-ต้นทุนแรงงานแพงขึ้น หวั่นสงครามการค้าซ้ำเติม
รอยเตอร์รายงานว่า บริษัท Tokyo Shoko Research ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยสินเชื่อภาคเอกชนของญี่ปุ่น เปิดเผยรายงานเมื่อวันที่ 12 พ.ค. ว่าจำนวนการยื่นขอล้มละลายของบริษัทในญี่ปุ่นตลอดปีงบประมาณ 2567 สิ้นสุดเมื่อเดือนมี.ค. 2568 มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 10,144 ราย ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 11 ปี และเพิ่มขึ้น ถึง 12% จากปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ในเดือนเม.ย.มีบริษัทจดทะเบียนในญี่ปุ่นที่ประสบภาวะ “ล้มละลาย” และมีหนี้สินอย่างน้อย 10 ล้านเยน รวมทั้งสิ้น 828 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดในรอบ 11 ปี ปัจจัยหลักมาจากแรงกดดันของภาวะเงินเฟ้อและต้นทุนค่าแรงที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รายงานระบุว่า ตัวเลขการล้มละลายรายเดือนนี้เพิ่มขึ้น 5.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดเล็กที่มีรากฐานทางธุรกิจไม่แข็งแรงนัก เนื่องจากรายได้ของบริษัทเหล่านี้ถูกบีบคั้นจากราคาสินค้าที่สูงขึ้นและต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางปัญหาสภาวะขาดแคลนแรงงานที่รุนแรง
แม้ว่าจำนวนบริษัทที่ปิดกิจการจะดูน่าตกใจ แต่เมื่อมองไปที่ "ยอดหนี้สินรวม" ของบริษัทล้มละลายทั้งหมด กลับพบว่าลดลง 9.3% เหลือประมาณ 1 แสนล้านเยน เนื่องจากบริษัทใหญ่ๆ ที่มีหนี้สินเยอะๆ ตั้งแต่ 100 ล้านเยนขึ้นไปล้มละลายน้อยลงในเดือนนี้
แต่ในทางกลับกัน ธุรกิจรายย่อยที่มีหนี้สินไม่ถึง 100 ล้านเยน กลับเป็นกลุ่มที่ล้มละลายเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 11.3% ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 80% หรือส่วนใหญ่ของบริษัทที่ล้มละลายทั้งหมดเลยทีเดียว
เมื่อพิจารณาสาเหตุการล้มละลาย พบว่าจำนวนบริษัทที่ล้มละลายเนื่องจากการขาดแคลนแรงงานเพิ่มขึ้นเป็น 36 ราย จาก 25 รายในปีที่แล้ว ขณะที่จำนวนบริษัทที่ล้มละลายจากผลกระทบของภาวะเงินเฟ้อก็ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 56 ราย (เทียบกับ 60 รายในปีที่แล้ว)
หากจำแนกตามอุตสาหกรรม ภาคบริการมีการล้มละลายสูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับเดือนเมษายนที่ 292 ราย เพิ่มขึ้น 10.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน ตามมาด้วยภาคการก่อสร้าง 152 ราย เพิ่มขึ้น 4.1% และภาคค้าปลีก 106 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 32.5%
Tokyo Shoko Research ให้ความเห็นว่า นโยบายภาษีศุลกากรสูงของประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ของสหรัฐส่งผลกระทบต่อการล้มละลายในญี่ปุ่นเพียงเล็กน้อย แต่บริษัทขนาดเล็กจำนวนมากยังคงแบกรับภาระหนี้สินจำนวนมหาศาลจากการระบาดของโควิด-19 ดังนั้น นโยบายภาษีของสหรัฐอาจส่งผลกระทบต่อคำสั่งซื้อของบริษัทญี่ปุ่น และอาจนำไปสู่การล้มละลายเพิ่มมากขึ้นได้ โดยเฉพาะในภาคการผลิต ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด
อ้างอิง japantimes Reuters







