เช็กรายชื่อ สัปดาห์นี้สหรัฐมีคิวคุยคู่ค้า 20 ราย เล็กใหญ่คุยหมด!

เช็กรายชื่อ สัปดาห์นี้สหรัฐมีคิวคุยคู่ค้า 20 ราย เล็กใหญ่คุยหมด!

นอกจากจะเจรจาการค้ากับจีนที่สวิตเซอร์แลนด์ในช่วงสุดสัปดาห์แล้ว สหรัฐยังเตรียมคุยกับคู่ค้าน้อยใหญ่อีกราว 20 รายด้วย

 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานอ้างปากคำจากผู้สันทัดกรณีจำนวนหนึ่งว่า สัปดาห์นี้รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีกำหนดหารือกับคู่ค้าราว 20 ราย ทั้งผู้ส่งออกรายใหญ่และเขตเศรษฐกิจเล็กๆ สำนักงานยูเอสทีอาร์ได้แจ้งกับสภาผู้แทนราษฎรถึงกลุ่มเป้าหมายแล้วอาทิ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเวียดนาม สามประเทศที่สหรัฐนำเข้าสินค้าสูงสุดซึ่งทรัมป์ต้องการลดขาดดุลการค้า นอกจากนี้ยังมีประเทศเล็กๆ อย่างฟิจิ เลโซโท และมอริเชียสด้วย

ก่อนหน้านี้นายสกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเคยกล่าวว่า สหรัฐเน้นที่ 18 ประเทศ โดยไม่ได้เปิดเผยรายชื่อทั้งหมด ขณะที่นายโฮวาร์ด ลัตนิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่ารวมจีนด้วย ส่วนสหราชอาณาจักรทรัมป์ได้ประกาศกรอบข้อตกลงกว้างๆ ไปแล้วเมื่อวันพฤหัสบดี (8 พ.ค.), อินเดีย หารือกันคืบหน้าไปมาก, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ซึ่งสองประเทศนี้ “ยังไม่รีบทำดีล”

รมว.พาณิชย์สหรัฐกล่าวด้วยว่า การเจรจากับกลุ่มประเทศเริ่มต้นจะเป็น “ตัวแบบ” ให้บรรลุดีลอื่นๆ ได้รวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม บัญชีรายชื่อยังไม่สะเด็ดน้ำ เจ้าหน้าที่ในรัฐบาลยังหารือกับประเทศอื่นๆ ด้วย เช่น บราซิล ฟิลิปปินส์ สหภาพยุโรป ซึ่งการเจรจายังคงดำเนินอยู่บลูมเบิร์กสอบถามไปยังทำเนียบขาว กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (ยูเอสทีอาร์) ยังไม่ได้คำตอบ

แม้บางประเทศแอบบ่นว่า สหรัฐไม่บอกให้ชัดว่าต้องการอะไรแลกกับการลดภาษี แต่ในการเจรจาเบื้องต้นได้ส่งสัญญาณว่า สหรัฐอาจให้ความสำคัญกับประเทศเล็กๆ ก่อนเพื่อเป็นตัวอย่างให้กับประเทศอื่น

นายมาร์คเวย์น มัลลิน สมาชิกวุฒิสภาพรรครีพับลิกันจากรัฐโอกลาโฮมา ยกตัวอย่างการประชุมหนึ่งที่นายเจมิสัน กรีเออร์ ยูเอสทีอาร์ กล่าวว่า ถ้าประเทศอย่างกัมพูชา มาดากัสการ์ และเวียดนาม ยื่นข้อเสนอเพื่อสนองความต้องการของรัฐบาลทรัมป์ได้อียูก็ควรทราบว่ารัฐบาลทรัมป์ต้องการอะไร

แหล่งข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่า คู่ค้าอื่นๆ ที่รัฐบาลทรัมป์ให้ความสำคัญเจรจาก่อนยังรวมถึงออสเตรเลีย อาร์เจนตินา กัมพูชา เอกวาดอร์ อินโดนีเซีย อิสราเอล มาดากัสการ์ มาเลเซีย สวิตเซอร์แลนด์ และไต้หวัน

เห็นได้ว่าแต่ละรายมีขนาดเศรษฐกิจแตกต่างกันไป เช่น สหรัฐนำเข้าจากญี่ปุ่นวันเดียวยังมากกว่านำเข้าจากเลโซโททั้งปี

กระนั้นการรวมประเทศเล็กๆ เข้ามาด้วยส่งสัญญาณว่าทำเนียบขาวต้องการทำข้อตกลงซับซ้อนน้อยให้ได้อย่างรวดเร็ว แม้แต่ละข้อตกลงแทบไม่มีผลต่อการค้าของสหรัฐเลย แต่ประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ก็อาจใช้แนวทางข้อตกลงเหล่านั้นได้

แหล่งข่าวรายหนึ่งเผยว่า ลิกเตนสไตน์เป็นอีกหนึ่งประเทศเล็กที่กำลังเจรจา ด้านนายเควิน แฮสเสตต์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจทรัมป์ กล่าวกับซีเอ็นบีซีเมื่อวันศุกร์ (9 พ.ค.) ว่า ราว 24 ประเทศใกล้บรรลุกรอบข้อตกลงเหมือนสหราชอาณาจักร

หลายประเทศระบุตนเองเป็นคู่ค้าที่จริงใจ สวิตเซอร์แลนด์เป็นหนึ่งใน 15 ประเทศที่จะได้“การปฏิบัติที่พิเศษในระดับหนึ่ง” และอาจเห็นภาษีทรัมป์ระงับต่อไปเกินกำหนดเส้นตายเดือน ก.ค.หากจำเป็น

รัฐบาลอาร์เจนตินานำโดยฮาเวียร์ มิลเล พันธมิตรของทรัมป์ หารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลวอชิงตันมาหลายรอบ นายเบสเซนต์เคยกล่าวว่า อาร์เจนตินาจะอยู่“แถวหน้าสุด”

  • เอเชียตะวันออกเฉียงใต้สำคัญที่สุด

ส่วนนายกรีเออร์ชี้ว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้สำคัญที่สุด “สหรัฐขาดดุลการค้าหลายประเทศมากที่สุด”

“เราคุยกับเวียดนามและประเทศอื่นๆ ได้ผล พวกเขาเข้าใจว่าเราพยายามแก้ปัญหาอะไร” นายกรีเออร์ย้ำ

สื่อท้องถิ่นรายหนึ่งรายงานว่า สัปดาห์นี้สหรัฐจะเจรจากับกัมพูชา ส่วนมาเลเซียเริ่มเจรจาตั้งแต่เดือนก่อน รวมถึงมีการเจรจากับอินโดนีเซียและไต้หวันแล้วด้วย

 นายลัตนิกเตือนเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ข้อตกลงกับอินเดียยังซับซ้อน ข้อตกลงกับสหราชอาณาจักรก็ยังต้องรอสรุปในรายละเอียด

“มันเพิ่งเริ่มต้น ต้องใช้เวลา ให้โอกาสเราด้วย อย่าเร่งรีบ” นายลัตนิกกล่าวกับบลูมเบิร์กทีวี

อีกหนึ่งชาติที่คลุมเครือเหมือนสหราชอาณาจักรคือออสเตรเลีย ที่เสียเปรียบดุลการค้าสหรัฐ จึงเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่สหรัฐจะทำกรอบข้อตกลงด้วย แต่ทรัมป์และเจ้าหน้าที่ระดับสูงยืนยันเสมอมาว่าต้องใช้ภาษี 10% เป็นฐาน ซึ่งฐานนี้ช่วยให้ทำข้อตกลงกับสหราชอาณาจักรได้

หากจะมีข้อตกลงการค้าใดๆ อาจขึ้นอยู่กับว่าสหรัฐจะยกเว้นภาษีอื่นๆ ให้หรือไม่ เช่น ภาษีโลหะ 25% หรือภาษีภาพยนตร์ต่างประเทศ 100% ภาษีภาพยนตร์ดังกล่าวอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่กำลังเติบโตของออสเตรเลีย

ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าประเทศเล็กมากจะเสนออะไรให้กับสหรัฐ เช่น เลโซโท ราชอาณาจักรภูเขาในแอฟริกาที่มีประชากรน้อยกว่าชิคาโก ส่งออกเพชรและเสื้อผ้ามายังสหรัฐแต่ก็ยังเสียเปรียบดุลการค้า

เลโซโทเป็นประเทศยากจนที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง หากบรรลุข้อตกลงกันไม่ได้ก็ต้องเจอภาษีตอบโต้สูงถึง 50% เมื่อเร็วๆ นี้เลโซโทเพิ่งออกใบอนุญาต 10 ปีให้กับนายอีลอน มัสก์ ผู้สนับสนุนทรัมป์ เข้าไปดำเนินธุรกิจในประเทศ พร้อมให้คำมั่นว่าจะหาหนทางขจัดอุปสรรคการลงทุนของสหรัฐ