สหรัฐเปิดสอบความมั่นคง จ่อขึ้นภาษี 'เครื่องบิน' รายการต่อไป

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดสอบสินค้ากลุ่ม 'เครื่องบินและเครื่องยนต์' ภายใต้มาตรา 232 จ่อเรียกเก็บภาษีนำเข้าเป็นรายการต่อไป
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยเมื่อวันที่ 9 พ.ค. ว่า ได้เริ่มเปิดการสืบสวนสอบสวนสินค้าในกลุ่ม "เครื่องบินพาณิชย์ เครื่องยนต์เจ็ต และชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้อง" ภายใต้มาตรา 232 ของกฎหมาย Trade Expansion Act 1962 เพื่อประเมินผลกระทบของการนำเข้าต่อความมั่นคงของสหรัฐแล้ว ซึ่งอาจถือเป็นจุดเริ่มต้นไปสู่การเตรียมเก็บภาษีนำเข้าเป็นรายการถัดไป
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า สายการบินหลายแห่งต่างระบุว่าไม่ทราบเรื่องการสอบสวนดังกล่าว ก่อนที่เรื่องนี้จะได้รับการเปิดเผยเมื่อช่วงดึกของวันศุกร์ตามเวลาในสหรัฐ
ก่อนหน้านี้ บรรดาสายการบินและบริษัทผู้ผลิตต่างพยายามล็อบบี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อให้กลับมายกเว้นภาษีนำเข้าสินค้ากลุ่มนี้ภายใต้ข้อตกลงการบินพลเรือน ปี 1979 ซึ่งสหรัฐเกินดุลการค้าในภาคส่วนนี้อยู่ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี
ทว่าปัจจุบัน เครื่องบินและชิ้นส่วนที่นำเข้าส่วนใหญ่จากทั่วโลกกำลังถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 10% ซึ่งเป็นภาษีพื้นฐานที่สหรัฐประกาศในวันปลดแอกสหรัฐเมื่อวันที่ 2 เม.ย. ยังไม่รวมภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprical tariff) ที่แต่ละประเทศถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราแตกต่างกันไป
ปัจจุบัน สหราชอาณาจักร (UK) ซึ่งมีบริษัทอากาศยานอย่าง Rolls-Royce สามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐได้เป็นประเทศแรก และมีการยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าในกลุ่มนี้ด้วย
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า จะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณชนภายในสามสัปดาห์ ในชุดคำถามต่างๆ ซึ่งรวมถึง "ผลกระทบของเงินอุดหนุนจากรัฐบาลต่างประเทศและการค้าแบบเอารัดเอาเปรียบต่อความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมเครื่องบินพาณิชย์และเครื่องยนต์เจ็ต"
เอริก แฟนนิง ซีอีโอของสมาคมอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ กล่าวว่า ทางสมาคมจะร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ "เพื่อระบุโอกาสในการเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานในประเทศของเรา ขณะเดียวกันก็รักษากรอบการค้าที่ทำให้เราเป็นผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ"
ด้านผู้บริหารสายการบินหลายแห่งได้หยิบยกความเป็นไปได้ในการส่งคืนเครื่องบินเช่าเหมาลำและเลื่อนการส่งมอบเครื่องบินออกไปก่อน
เครื่องบินที่ประกอบในสหรัฐก็ไม่ได้รับการยกเว้นเช่นกัน เนื่องจากผู้ผลิตต้องจ่ายภาษีนำเข้าชิ้นส่วนจากต่างประเทศ เช่น "โบอิ้ง" (Boeing) ต้องจ่ายภาษีนำเข้า 10% สำหรับสินค้าที่ส่งมาจากอิตาลีและญี่ปุ่น ในขณะที่สก็อตต์ เคอร์บี้ ซีอีโอของ ยูไนเต็ด แอร์ไลน์กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า "แอร์บัส" (Airbus) ซึ่งเป็นบริษัทอากาศยานรายใหญ่จากยุโรป ก็ต้องจ่ายภาษีนำเข้าเครื่องบินที่บริษัทกำลังสร้างในรัฐแอละบามาด้วย
ทั้งนี้ แอร์บัสและโบอิ้งยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ ต่อเรื่องนี้







