ส่งออกจีนไปสหรัฐ เม.ย. ฮวบ 21% สวนทางอาเซียนพุ่งสวนทาง 21%

ยอดการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศของจีนปรับตัวสูงขึ้นแม้ยอดส่งออกไปสหรัฐลดลงอย่างรุนแรง 21% เพียงหนึ่งเดือนหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนทะลุ 100% สวนทางยอดส่งออกไปอาเซียนพุ่ง 21%
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (9 พ.ค.) ยอดการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศของจีน (ยอดการส่งออกจีน) ปรับตัวสูงขึ้นแม้ยอดส่งออกไป สหรัฐ ลดลงอย่างรุนแรงเพียงหนึ่งเดือนหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน ทะลุ 100%
ยอดการส่งออกสุทธิของจีนขยายตัว 8.1% เมื่อเดือนที่แล้วซึ่งมากกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่มองว่าจะขยายตัวเพียง 2% ขณะที่ยอดการนำเข้าหดตัว 0.2% ส่งผลให้ดุลการค้าสุทธิของจีนปัจจุบันอยู่ที่ 9.6 หมื่นล้านดอลลาร์
ยอดการส่งออกจีนไปสหรัฐ ลดลง 21% หลังจากการประกาศใช้ภาษีในต้นเดือน เม.ย. ขณะที่ยอดส่งออกไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนขยายตัว 21% และยอดส่งออกไปสหภาพยุโรป (อียู) เพิ่มขึ้น 8%
บทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก เผยว่า ข้อมูลล่าสุดที่เปิดเผยออกมาจากรัฐบาลจีนแสดงให้เห็นถึง “ความเสียหายเบื้องต้น” จาก ภาษีทรัมป์ โดยความเสียหายที่ชัดเจนมากขึ้นอาจเริ่มแสดงให้เห็นในเดือนนี้เป็นต้นไป
ขณะที่มุมมองของนักวิเคราะห์หลายสำนักมองว่า หากภาษีศุลกากรของสหรัฐต่อจีนไม่ปรับตัวลดลงท้ายที่สุดการค้าของทั้งสองมหาอำนาจจะลดระดับลงเป็นศูนย์หลังจากที่เมื่อปีที่แล้วยอดการค้าของทั้งสองประเทศมหาอำนาจแตะระดับ 6.9 แสนล้านดอลลาร์ ทั้งหมดจะทำลายอุตสาหกรรมของทั้งสองประเทศและส่งผลให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ สหรัฐและจีนจะเริ่มเจรจาภาษีกันครั้งแรกสุดสัปดาห์นี้ที่สวิตเซอร์แลนด์ โดยบรรดาบริษัทเอกชนต่างคาดหวังว่าการเจรจาจะนำไปสู่การปรับลดภาษีศุลกากรจากทั้งสองประเทศ
บทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก เผยว่า การปรับตัวลงของการค้าจากทั้งสองประเทศจะส่งผลเชิงลบต่อทั้งสองประเทศมหาอำนาจ หลังจากที่สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐนิยามภาษีศุลกากรปัจจุบันว่า “ไม่ยั่งยืน”
เบสเซนต์และทีมของเขาจะเปิดการเจรจากับตัวแทนการค้าจากจีนซึ่งนำโดยรองประธานาธิบดี เหอ หลี่เฟิงในช่วงเวลาเดียวกันกับทรัมป์และสี จิ้นผิง ที่ประเทศสวิตเซอร์เเลนด์
อ้างอิง: Bloomberg







