จีน กดดันสหรัฐ ‘ยกเลิกภาษี’ ก่อนเจรจานัดแรก แม้ทรัมป์ ปฏิเสธเสียงแข็ง !

จีนเรียกร้องให้สหรัฐยกเลิกภาษีศุลกากร ก่อนการเจรจาการค้านัดแรกที่สวิตเซอร์แลนด์ แม้ทรัมป์ยืนยันไม่เต็มใจลดภาษีนำเข้าจากจีนซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 145%
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานถ้อยแถลงของทางการจีนต่อสหรัฐวันนี้ (8 พ.ค.68) ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐควร “ยกเลิก” ภาษีศุลกากรที่ใช้กับจีน ซึ่งเป็นท่าทีที่เน้นย้ำให้เห็นถึงความขัดแย้งของสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกซึ่งเตรียมพร้อมที่จะเปิดการเจรจายกแรกหลังจากการเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์
เหอ หยาตง โฆษกประจำกระทรวงพาณิชย์ของจีน กล่าวว่า สหรัฐควรเตรียมความพร้อมในการยกเลิกภาษีศุลกากรแบบลงโทษที่ขึ้นใส่ประเทศจีน พร้อมอธิบายเสริมว่า
“สหรัฐจำเป็นต้องแสดงความจริงใจในการเจรจา เตรียมพร้อมในการแก้ไขสิ่งที่ตัวเองทำผิด และยกเลิกภาษีศุลกากร”
ทั้งนี้ จุดยืนดังกล่าวของจีนมีขึ้นเพียงหนึ่งชั่วโมงให้หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่าไม่เต็มใจที่จะลดภาษีศุลกากรลง ซึ่งปัจจุบันภาษีนำเข้าจากประเทศจีนสู่สหรัฐอยู่ที่ 145% สำหรับในสินค้าเกือบทุกประเภท
บทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก เผยว่า ทั้งสองประเทศมหาอำนาจกำลังย้ำจุดยืนของตัวเองเพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับการเจรจาการค้าครั้งแรกของทั้งคู่ที่ประเทศสวิตเซอร์เเลนด์ช่วงสุดสัปดาห์นี้ โดยในการพูดคุยดังกล่าวยังคาดว่าจะมีสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เจมีสัน เกรียร์ ผู้แทนทางการค้า และ เหอ หลีเฟิง รองนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมด้วย
ทั้งนี้ ก่อนแผนการเจรจานัดแรกของทั้งสองมหาอำนาจจะประกาศออกมา ทรัมป์ยังเคยให้สัมภาษณ์ว่า เขาเต็มใจที่จะลดภาษีนำเข้าจากประเทศจีนลงได้บ้าง แต่ความขัดแย้งในครั้งนี้กลับเร่ิมชี้ให้เห็นถึงรอยร้าวของทั้งจีน และสหรัฐที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นในประเด็นการค้า และความยากลำบากในการบรรลุข้อตกลงของทั้งสอง อย่างไรก็ตาม การประกาศความพร้อมในการเจรจาของทั้งสองยังสร้างมุมมองเชิงบวกให้ทั้งโลกอยู่บ้าง
บทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก เผยว่า ทั้งสองประเทศมหาอำนาจต่างอยู่ภายใต้แรงกดดันให้ต้องบรรลุข้อตกลงทางการค้า โดยเศรษฐกิจของสหรัฐหดตัวตั้งแต่ต้นปี 2568 ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี เนื่องจากการขึ้นเร่งนำเข้าสินค้าก่อนการประกาศขึ้นภาษี และการใช้จ่ายของผู้บริโภคอยู่เพียงระดับปานกลาง ส่วนเศรษฐกิจจีนเผชิญกับการหดตัวของภาคการผลิตที่เลวร้ายที่สุดตั้งแต่เดือนธ.ค.ปี 2565
“โดยหลักการแล้ว ความมุ่งมั่นของจีนที่จะปกป้องสิทธิ และผลประโยชน์ของตนจะไม่เปลี่ยนแปลง” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ หลิน เจี้ยน กล่าวในการบรรยายสรุปวันนี้ พร้อมอธิบายเสริมว่า “จุดยืน และวัตถุประสงค์ของเราในการรักษาความเป็นธรรม และความยุติธรรมระหว่างประเทศจะไม่เปลี่ยนแปลง”
อ้างอิง: Bloomberg
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์