สรุปปมขัดแย้งใน 'แคชเมียร์' ชนวนสงคราม 'อินเดีย-ปากีสถาน'

สรุปปมขัดแย้งใน 'แคชเมียร์' ชนวนสงคราม 'อินเดีย-ปากีสถาน'

สรุปปมขัดแย้งใน 'แคชเมียร์' ภูมิภาคอันสวยงามที่ใครๆ ก็ต้องการแย่งชิง จนเป็นชนวนสงครามระหว่าง 'อินเดีย-ปากีสถาน' แม้ปัญหาลดน้อยลงมานานหลายปี แต่ความขัดแย้งที่ปะทุล่าสุด อาจทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง

อินเดีย และปากีสถาน ทำสงครามมาแล้ว 2 ครั้ง และมีความขัดแย้งแบบจำกัดวงเหนือแคชเมียร์ 1 ครั้ง แม้ความขัดแย้งในแคชเมียร์ลดน้อยลงมานานหลายปี แต่ล่าสุดความขัดแย้งปะทุขึ้นอีกครั้ง หลังเกิดเหตุโจมตีนักท่องเที่ยวในแคชเมียร์ฝั่งอินเดียเมื่อวันที่ 22 เม.ย.68 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 26 ราย

อินเดียจึงเปิดฉากโจมตีฐานที่มั่นผู้ก่อการร้ายในปากีสถาน เมื่อวันพุธ (7 พ.ค.68) ขณะที่ปากีสถานเอาคืนด้วยการสอยเครื่องบินรบอินเดียตก 5 ลำ

ทำไมทั้งสองประเทศมีความขัดแย้งเหนือดินแดนดังกล่าว แล้วมันเริ่มขึ้นได้อย่างไร บีบีซีสรุปไว้ดังนี้

สรุปปมขัดแย้งใน 'แคชเมียร์' ชนวนสงคราม 'อินเดีย-ปากีสถาน'

รากเหง้าของความขัดแย้ง

แคชเมียร์เป็นภูมิภาคหิมาลัยที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ และมีชื่อเสียงด้านความสวยงามของแม่น้ำ ทุ่งหญ้า และภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ

ตั้งแต่ก่อนอินเดีย และปากีสถานได้รับเอกราชจากอังกฤษในเดือนส.ค.1947 แคชเมียร์ก็เป็นพื้นที่มีการแข่งขันอย่างดุเดือดอยู่ก่อนแล้ว

ภายใต้แผนการแบ่งแยกของพระราชบัญญัติเอกราชของอินเดีย ระบุว่า แคชเมียร์ซึ่งมีชาวมุสลิมอาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่นั้น มีอิสระในการเลือกว่าจะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของอินเดียหรือปากีสถาน

ในตอนแรก ฮารี สิงห์ มหาราชาแห่งแคชเมียร์ ต้องการให้แคชเมียร์เป็นเอกราช แต่ในเดือนต.ค.1947 เขาเลือกเข้าร่วมกับอินเดีย เพื่อแลกกับความช่วยเหลือในการต่อต้านการรุกรานของชนเผ่าจากปากีสถาน

หลังจากนั้นก็เกิดสงครามขึ้น และอินเดียได้ขอให้สหประชาชาติ (ยูเอ็น) เข้ามาแทรกแซง โดยยูเอ็นแนะให้จัดการลงประชามติเพื่อยุติข้อสงสัยว่ารัฐดังกล่าวจะเข้าร่วมกับอินเดียหรือปากีสถาน แต่ทั้งสองประเทศไม่สามารถตกลงเรื่องการลดกำลังทหารในภูมิภาคได้ก่อนที่จะจัดการลงประชามติ

ในเดือนก.ค.1949 อินเดีย และปากีสถานได้ลงนามข้อตกลงเพื่อกำหนดแนวทางสู่ยุติการสู้รบ ตามคำแนะนำของยูเอ็น และภูมิภาคแคชเมียร์ก็ถูกแบ่ง

ต่อมาสงคราม ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นในปี 1965 จากนั้นในปี 1999 อินเดียมีความขัดแย้งกับกองกำลังที่ได้รับการสนับสนุนจากปากีสถาน แม้เป็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็มีความรุนแรง ต่อมาอินเดีย และปากีสถานได้ขึ้นเป็นมหาอำนาจด้านนิวเคลียร์

ปัจจุบันรัฐบาลนิวเดลี และอิสลามาบัดต่างยังคงอ้างครอบครองพื้นที่แคชเมียร์ทั้งหมด แต่ความจริงทำได้แค่ปกครองพื้นที่บางส่วนเท่านั้น

สรุปปมขัดแย้งใน 'แคชเมียร์' ชนวนสงคราม 'อินเดีย-ปากีสถาน'

ทำไมแคชเมียร์ฝั่งอินเดียมักเกิดความไม่สงบ

แคชเมียร์ในฝั่งที่อินเดียปกครอง ผู้คนมีความเห็นเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของดินแดนแตกต่างกันไป และแต่ละคนก็มีความยึดมั่นในแนวทางของตนเองอย่างแรงกล้า หลายคนไม่ต้องการให้อินเดียปกครองดินแดนนี้ หรือบางคนต้องการให้พื้นที่คืนสู่สถานะกึ่งปกครองตนเองเหมือนที่เคยมีจนถึงปี 2019 ขณะที่บางคนต้องการให้แคชเมียร์เป็นเอกราชโดยสมบูรณ์

ศาสนา” ก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน เนื่องจากแคชเมียร์ในฝั่งที่อินเดียปกครองมีชาวมุสลิมมากกว่า 60% ทำให้พื้นที่นี้เป็นพื้นที่เดียวของอินเดียที่มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่ และแคชเมียร์ก็เกิดการก่อกบฏเพื่อต่อต้านการปกครองของอินเดีย นับตั้งแต่ปี 1989 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายหมื่นคน

อินเดียกล่าวหาปากีสถานว่าให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายในแคชเมียร์ ซึ่งปากีสถานปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว

ในปี 2019 แคชเมียร์ในส่วนที่อินเดียปกครองถูกรัฐบาลนิวเดลีปลดสถานะกึ่งปกครองตนเองท่ามกลางการปราบปรามด้านความมั่นคงครั้งใหญ่

หลายปีหลังจากเพิกถอนสถานะพิเศษของภูมิภาคดังกล่าว ความรุนแรงของกลุ่มก่อการร้ายก็ลดน้อยลง และจำนวนนักท่องเที่ยวก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

สรุปปมขัดแย้งใน 'แคชเมียร์' ชนวนสงคราม 'อินเดีย-ปากีสถาน'

เกิดอะไรขึ้นในแคชเมียร์ก่อนหน้านี้

ในปี 2016 หลังจากทหารอินเดีย 19 นายถูกสังหารในอูรี อินเดียได้เปิดฉากโจมตีทางอากาศข้ามเขตแดนที่เป็นเขตแดนโดยพฤตินัยระหว่างอินเดีย และปากีสถาน โดยมุ่งเป้าไปที่ฐานที่มั่นของกลุ่มก่อการร้าย

ต่อมาในปี 2019 การโจมตีของกลุ่มก่อการร้ายในปูลวามา ที่คร่าชีวิตกองกำลังกึ่งทหารของอินเดียมากกว่า 40 นาย กระตุ้นให้อินเดียโจมตีลึกเข้าไปในบาลาโกต ซึ่งเป็นการโจมตีภายในปากีสถานครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1971 จุดชนวนให้เกิดการโจมตีแบบตอบโต้ และการไล่ล่าทางอากาศ

ความขัดแย้งทวีความรุนแรงมากขึ้นอีกครั้งในเดือนเม.ย. ปีนี้ หลังจากทั้งสองฝ่ายสงบสุขมาหลายปี เนื่องจากกลุ่มก่อการร้ายก่อเหตุโจมตีนักท่องเที่ยวใกล้เมืองตากอากาศปาหัลคามในแคชเมียร์ที่อยู่ภายใต้การปกครองของอินเดีย สังหารผู้คนไป 26 ราย ซึ่งถือเป็นการโจมตีพลเรือนที่นองเลือดที่สุดในรอบ 20 ปี

สองสัปดาห์ต่อมา อินเดียตอบโต้ด้วยการยิงขีปนาวุธถล่มเป้าหมายในปากีสถาน และในแคชเมียร์ที่ปากีสถานปกครอง และสร้างความกังวลว่าสถานการณ์อาจทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง และหลายฝ่ายเรียกร้องให้มีการยับยั้งชั่งใจ

อนึ่ง แคชเมียร์ยังคงเป็นหนึ่งในพื้นที่ ที่มีกองกำลังทางทหารมากที่สุดพื้นที่หนึ่งของโลก

สรุปปมขัดแย้งใน 'แคชเมียร์' ชนวนสงคราม 'อินเดีย-ปากีสถาน'

ความหวังสร้างสันติภาพริบหรี่

อินเดีย และปากีสถานเคยตกลงหยุดยิงเมื่อปี 2003

ต่อมาในปี 2014 นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี คนปัจจุบันของอินเดียขึ้นสู่อำนาจ และให้คำมั่นว่าจะใช้มาตรการที่แข็งกร้าวต่อปากีสถาน แต่ขณะเดียวกันก็แสดงความสนใจที่จะเจรจาสันติภาพเช่นกัน และนาวาซ ชารีฟ นายกรัฐมนตรีของปากีสถานในขณะนั้น ได้เข้าร่วมพิธีสาบานตนรับตำแหน่งของโมดีในกรุงนิวเดลีด้วย

แต่หนึ่งปีต่อมา อินเดียกล่าวโทษกลุ่มในปากีสถานว่าเป็นผู้ก่อเหตุโจมตีฐานทัพอากาศของอินเดียในปทานโกฏิ์ ทางตอนเหนือของรัฐปัญจาบ 

นอกจากนี้ โมดียังยกเลิกการเยือนกรุงอิสลามาบัด เมืองหลวงของปากีสถาน เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดระดับภูมิภาคเมื่อปี 2017 อีกด้วย

นับแต่นั้นมา เพื่อนบ้านทั้งสองก็ไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาสันติภาพระหว่างกันอีกเลย

 

 

อ้างอิง: BBC

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์