นักวิเคราะห์มองอินเดีย-ปากีสถาน เสี่ยงบานปลายกว่าอดีต

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า อินเดียทำลายเป้าหมายในปัญจาบ จังหวัดที่มีประชากรมากสุดของปากีสถานเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ทำสงครามเต็มตัวกันเมื่อกว่าห้าสิบปีก่อน ทำให้เกิดความวิตกว่าจะเผชิญหน้ากันทางทหารมากขึ้น

อินเดียกล่าวว่า โจมตี “โครงสร้างพื้นฐานผู้ก่อการร้ายปากีสถาน” เก้าจุด บางจุดใช้เป็นที่วางแผนและสั่งการกราดยิงนักท่องเที่ยวฮินดูในเมืองพาหัลคามของแคชเมียร์อินเดีย เมื่อวันที่ 22 เม.ย. คร่าชีวิตประชาชน 26 คน

อินเดียกล่าวโดยไม่ระบุหลักฐานว่า คนร้ายสองในสามคนเป็นชาวปากีสถาน ซึ่งปากีสถานปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเหตุกราดยิง

ด้านโฆษกกองทัพปากีสถานแถลงว่า การโจมตีของอินเดียในวันนี้พุ่งเป้าหกพื้นที่ของปากีสถาน ซึ่งไม่มีค่ายผู้ก่อการร้ายเลย พลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 26 คน บาดเจ็บ 46 คน

ขณะที่โฆษกกองทัพอินเดียสองรายแถลงว่า กองทัพโจมตีโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวข้องกับกลุ่มจาอิช อี โมฮัมเหม็ดและกลุ่มลัชการ์-อี-ไทบา การโจมตีพุ่งเป้า “ค่ายผู้ก่อการร้าย” ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์สรรหาคน ฐานปล่อยยิง และศูนย์อบรมแนวคิด ทั้งยังเป็นคลังแสงและสถานที่ฝึกอาวุธด้วย

โฆษกกล่าวด้วยว่า กองทัพอินเดียใช้อาวุธเทคโนโลยีเฉพาะทางและเลือกหัวรบอย่างระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายต่อพลเรือนและโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับรายละเอียดหรือวิธีการที่ใช้ในการโจมตี

“การข่าวกรองและการติดตามโมดุลก่อการร้ายที่ตั้งอยู่ในปากีสถานแสดงให้เห็นว่าการโจมตีอินเดียเพิ่มเติมกำลังจะเกิดขึ้น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องโจมตีล่วงหน้าและป้องกันไว้ก่อน” วิกรม มีศรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าว

ขณะที่โฆษกกองทัพปากีสถานกล่าวว่า ขีปนาวุธอินเดียโจมตีสามจุด เครื่องบินอินเดียถูกยิงตกห้าลำ แต่อินเดียยังไม่ได้ยืนยันข้ออ้างดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวรัฐบาลท้องถิ่นสี่รายในแคว้นแคชเมียร์ของอินเดีย เปิดเผยกับรอยเตอร์สว่า เครื่องบินขับไล่ 3 ลำตกคนละจุดแถบเทือกเขาหิมาลัยในตอนกลางคืน นักบินทั้งสามคนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล กระทรวงกลาโหมอินเดียไม่สามารถยืนยันรายงานข่าวได้ในทันที

 สื่อท้องถิ่นเผยภาพชิ้นส่วนโลหะสีเงินทรงกระบอกขนาดใหญ่ที่ได้รับความเสียหายกองอยู่บนพื้นหญ้า ณ จุดเกิดเหตุเครื่องบินตก รอยเตอร์สไม่สามารถยืนยันความถูกต้องของภาพดังกล่าวได้

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ความเสี่ยงที่สถานการณ์จะบานปลายขึ้นนั้นสูงกว่าในอดีตที่ผ่านมา เนื่องจากการโจมตีของอินเดียนั้นรุนแรงมาก ซึ่งนิวเดลีเรียกว่า “ปฏิบัติการสินดูร์” โดยสินดูร์เป็นภาษาฮินดีที่แปลว่าสีแดงชาด ซึ่งเป็นผงสีแดงที่ผู้หญิงฮินดูใช้ทาบนหน้าผากหรือแสกผมเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการแต่งงาน

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐกล่าวว่าการสู้รบครั้งนี้เป็นเรื่อง “น่าละอาย”“ผมหวังว่ามันจะยุติลงโดยเร็ว” กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐแถลงว่า มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ ได้พูดคุยกับที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทั้งสองประเทศ โดยเรียกร้องให้ “ทั้งสองฝ่ายเปิดช่องทางการสื่อสารและหลีกเลี่ยงไม่ให้เหตุการณ์ขยายวง”