'ดอลลาร์' เสี่ยงถูกเอเชียเทขายอีกล็อตใหญ่ 2.5 ล้านล้านดอลลาร์

'ดอลลาร์' เสี่ยงถูกเอเชียเทขายอีกล็อตใหญ่ 2.5 ล้านล้านดอลลาร์

เตือน 'ดอลลาร์' อาจถูกประเทศส่งออกในเอเชียแห่เทขายอีกล็อตใหญ่ 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ หลังการพลิกนโยบายของทรัมป์ ทำให้นักลงทุนทบทวนเรื่องดอลลาร์ และ "US Exceptionalism"

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เงินดอลลาร์สหรัฐอาจถูกเทขายอย่างหนักถึง 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 82 ล้านล้านบาท) เนื่องจากหลายประเทศในเอเชียกำลังทยอย "ลดการถือครอง" สกุลเงินสำรองหลักของโลกรายนี้ลง 

สตีเฟน เจน และโจอานา เฟรียร์ จากบริษัทลงทุน Eurizon SLJ Capital ระบุในบันทึกเมื่อวันพุธว่า ผู้ส่งออก และนักลงทุนในเอเชียอาจตุนเงินดอลลาร์ไว้มหาศาลในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งยิ่งทำให้ดุลการค้าของเอเชียกับสหรัฐขยายตัวห่างมากขึ้น และในขณะที่สงครามการค้าโลกที่นำโดยสหรัฐทวีความรุนแรงขึ้น นักลงทุนในเอเชียบางส่วนจึงอาจส่งเงินก้อนโตกลับประเทศ หรือเพิ่มระดับการเฮดจ์ป้องกันความเสี่ยงค่าเงินกันมากขึ้น ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดลดการถือครองดอลลาร์ลง

“เราสงสัยว่าการกักตุนดอลลาร์ของผู้ส่งออก และนักลงทุนสถาบันในเอเชียอาจเป็นก้อนที่ใหญ่มากๆ โดยอาจสูงถึง 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณนั้น และก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านลบต่อเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินในเอเชียเหล่านี้” สองนักวิเคราะห์ระบุ

แรงดึงดูดใจในระยะยาวของเงินดอลลาร์สหรัฐกำลังตกอยู่ในอันตราย เนื่องจากความพยายามของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการสร้างระเบียบการค้าโลกใหม่ กระตุ้นให้นักลงทุนต้องหันมาทบทวนกลยุทธ์ทางการค้าและแนวคิดเรื่อง "US Exceptionalism" อีกครั้ง โดยแนวคิดนี้ก็คือความเชื่อที่ว่า "สหรัฐมีความพิเศษอยู่เหนือประเทศอื่นๆ" เช่นเดียวกับค่าเงินดอลลาร์ที่เป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลก และมีความปลอดภัยสูง

กรณีที่ค่าเงิน "ดอลลาร์ไต้หวัน" NTD แข็งค่าขึ้นอย่างหนักรวม 8% เมื่อวันศุกร์ และวันจันทร์ ที่ผ่านมา ทำให้เกิดการคาดเดากันว่า "ผู้กำหนดนโยบายของเอเชียอาจจะพร้อมที่จะปล่อยให้สกุลเงินของตนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ"

'ดอลลาร์' เสี่ยงถูกเอเชียเทขายอีกล็อตใหญ่ 2.5 ล้านล้านดอลลาร์

ทางด้านดัชนีค่าเงินดอลลาร์ของบลูมเบิร์ก ก็อ่อนค่าลงประมาณ 8% จากระดับสูงสุดในเดือนกุมภาพันธ์ และสกุลเงินเอเชียทั้งหมดก็แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา

เจนซึ่งเป็นเจ้าของผลงานทฤษฎี “dollar smile” เคยคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า อาจมีกระแสเงินราว 1 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 32.8 ล้านล้านบาท) ไหลกลับเข้าสู่ "จีน" ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก เมื่อบริษัทจีนขายสินทรัพย์ในรูปดอลลาร์สหรัฐทิ้งหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดอัตราดอกเบี้ย

นักวิเคราะห์ระบุด้วยว่า กระแสเงินไหลออกหลายล้านล้านดอลลาร์ที่เร่งตัวขึ้นยังอาจมาจาก “naked long-dollar positions” หรือสถานะซื้อดอลลาร์โดยไม่มีการเฮดจ์ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน ซึ่งมักพบได้ในหลายประเทศส่งออกของเอเชียที่มีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด เช่น จีน ไต้หวัน มาเลเซีย และเวียดนาม 

"มีความไม่สมดุลที่สำคัญในโลก ที่ทำให้ดอลลาร์อยู่ในสถานะที่เปราะบาง" เจนระบุในรายงานล่าสุด

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์