ถอดรหัสค่าเงินไต้หวัน 2 วัน แข็งค่า 8% จับตาสงครามค่าเงิน

ถอดรหัสค่าเงินไต้หวัน 2 วัน แข็งค่า 8% จับตาสงครามค่าเงิน

ถอดรหัส 'ค่าเงินดอลลาร์ไต้หวัน' แข็งค่าขึ้นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในรอบ 2 วัน หวั่นสงครามการค้าลามสู่สงครามค่าเงิน

ค่าเงินดอลลาร์ไต้หวัน (NTD) ที่แข็งค่าขึ้นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในรอบ 2 วัน ถือเป็นสัญญาณล่าสุดของการดิ้นเพื่อเอาตัวรอดจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และเป็นสัญญาณของความไม่สงบในตลาด ในขณะที่สงครามการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังสั่นคลอนความเชื่อมั่น และความสัมพันธ์ทางการค้า

สำนักข่าวรอยเตอร์ส ระบุว่า ไต้หวันนับเป็นเขตเศรษฐกิจที่ทั้งมีมูลค่า (valuable) และมีความเปราะบาง (vulnerable) มากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เนื่องจากเป็นผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์ระดับไฮเอนด์รายใหญ่ และเป็นซัพพลายเออร์ให้กับทั้งสหรัฐ และจีน

ค่าเงินของไต้หวันซึ่งโดยปกติแล้วอยู่ภายใต้การดูแลรักษาเสถียรภาพโดยธนาคารกลาง พุ่งขึ้น 8% ในช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา (ศุกร์ที่ 2 และจันทร์ที่ 5 พ.ค.68) นักค้าเงินต่างส่งเสียงบ่นว่า "ไม่มีคนรับซื้อดอลลาร์สหรัฐ" ที่บริษัทประกัน ผู้ส่งออก และนักลงทุนพากันเทขายออกมาอย่างกะทันหัน

ปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจนว่า อะไรคือ ปัจจัยกระตุ้นที่ชัดเจนสำหรับการพุ่งขึ้นอย่างกะทันหันของค่าเงินเอเชียรายนี้

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่ "การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ และไต้หวัน" สิ้นสุดลงในกรุงวอชิงตัน ซึ่งทำให้เกิดการคาดเดากันว่า "อาจมีความตกลงเกี่ยวกับการทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง เพื่อแลกกับการปรับลดอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐ"

แม้ว่าธนาคารกลางไต้หวันจะปฏิเสธเสียงลือเสียงเล่าอ้างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ตลาดก็ยังไม่ปักใจเชื่อและมองว่าการแข็งค่าขึ้นอย่างผิดปกติของค่าเงินไต้หวันน่าจะได้รับไฟเขียวจากแบงก์ชาติแล้ว และอาจรวมถึงสหรัฐด้วย   

สเกลของการแข่งค่าขึ้นบ่งชี้ว่าการเปลี่ยนทิศทางลมครั้งใหญ่ของเงินไต้หวันกับเงินดอลลาร์สหรัฐกำลังดำเนินต่อไป และทำให้ไต้หวันกลายเป็นกรณีศึกษาของประเทศส่งออกที่เคยเกินดุลการค้ากับสหรัฐมานาน และมีดอลลาร์สหรัฐตุนอยู่ในมือบริษัทส่งออก และบริษัทประกันเป็นจำนวนมาก แต่กำลังกลายเป็นดาบสองคม และทำให้เกิดคำถามในสถานการณ์ปัจจุบัน 

"ดอลลาร์ไต้หวันกำลังแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน" ผู้บริหารระดับสูงในอุตสาหกรรมการเงินของไต้หวันรายหนึ่งกล่าว "เงินร้อนกำลังไหลเข้าสู่ไต้หวัน และธนาคารกลางก็ยินยอมให้เป็นเช่นนั้น หลายคนบอกว่านั่นเป็นเพราะแรงกดดันจากสหรัฐ และผมคิดว่าอาจเป็นเช่นนั้น"

ธนาคารกลางไต้หวัน เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่า สหรัฐไม่ได้เรียกร้องให้ดอลลาร์ไต้หวันแข็งค่าขึ้น และกล่าวว่าค่าเงินผันผวนในช่วงหลังนี้ เนื่องมาจากเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้า และบริษัทต่างๆ ก็คาดหวังว่าดอลลาร์ไต้หวันจะแข็งค่าขึ้น

ประธานาธิบดีไต้หวัน ไล่ชิงเต๋อ ขอร้องให้ประชาชนอย่าเผยแพร่เฟกนิวส์เรื่องการเจรจาค่าเงินระหว่างการเจรจาการค้ากับสหรัฐ ขณะที่สำนักงานเจรจาการค้าของไต้หวันกล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า การเจรจาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วไม่ได้รวมถึงประเด็นเรื่องธนาคารกลางหรืออัตราแลกเปลี่ยน

ทั้งนี้ ค่าเงินดอลลาร์ไต้หวันปิดตลาดแข็งค่าที่สุดในรอบกว่า 2 ปีเมื่อวันจันทร์ โดยปิดที่ 30.145 NTD ต่อดอลลาร์สหร้ฐ

ค่าเงินไต้หวันมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร 

ค่าเงินดอลลาร์ไต้หวันเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย. แล้ว เมื่อทรัมป์ประกาศมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ และเก็บภาษีนำเข้าจากไต้หวัน 32% 

แนวโน้มดังกล่าวดูเหมือนจะเริ่มต้นจากความตึงเครียดสูงระหว่างสหรัฐกับจีนที่เริ่มผ่อนคลายลง แต่หลังจากนั้นกลับเร่งตัวขึ้น เนื่องจากลักษณะเฉพาะของตลาดทุนไต้หวันที่ผลักดันให้มีการซื้อขายอย่างล้นหลาม

เมื่อผู้ส่งออกเห็นว่ามูลค่ารายได้ที่ได้รับเป็นดอลลาร์สหรัฐลดลง และบริษัทประกันเห็นว่ามูลค่าสินทรัพย์นอกประเทศของตนลดลงเมื่อแปลงเป็นดอลลาร์ไต้หวัน ผู้ส่งออกจึงเร่งแปลงเงินตรา ขณะที่บริษัทประกันก็รีบป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนพร้อมๆ กัน

นายทาเร็ค ฮอร์ชานี จากบริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ ในสิงคโปร์กล่าวว่า การเทขายดอลลาร์เริ่นในไต้หวัน และทำให้ชาวต่างชาติที่มีเลเวอเรจในเงินดอลลาร์ไต้หวันซึ่งกู้ยืมกันมาเก็งกำไรกันในราคาถูกต้องปิดสถานะ ในขณะที่การบังคับซื้อเงินดอลลาร์ไต้หวันทำให้การแข็งค่ายิ่งทวีความรุนแรงขึ้น

ค่าเงินไต้หวันที่พุ่งขึ้นแรงในการซื้อขายช่วงเช้าวันศุกร์และวันจันทร์ กลับมาทรงตัวภายหลังในวันเดียวกัน ขณะที่ธนาคารกลางไต้หวันได้ยืนยันอีกครั้งในวันจันทร์ว่า จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงิน 

อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์ส ระบุว่าความเร็ว และขนาดของการแข็งค่าขึ้นในครั้งนี้ ในเชิงสถิติถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่มีค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ถึง 19 เท่า สะท้อนให้เห็นถึงแรงผลักดันในระยะยาวที่กำลังเกิดขึ้น

นายอนินทา มิตรา หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์เศรษฐกิจมหภาคเอเชียของบีเอ็นวาย อินเวสต์เมนท์ อินสติทิวต์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตอกย้ำให้เห็นถึงความไม่สมดุลทางการเงินที่ถูกสะสมมานาน และไม่ค่อยได้รับความสนใจ อาจนำไปสู่การปรับตัวอย่างรุนแรง เมื่อภูมิทัศน์ทางการเมืองเบื้องหลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ส่วนบรรดานักเก็งกำไรที่คาดการณ์ถึงความปั่นป่วนในวงกว้างมากขึ้นในขณะที่รัฐบาลทรัมป์พยายามยกเครื่องความสัมพันธ์ทางการค้า ก็มองเหตุการณ์นี้ว่าเป็น "สัญญาณล่วงหน้า" ของการอ่อนค่าระลอกถัดไปของดอลลาร์ในเอเชีย

นายสุนิล กัลรา ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของกองทุน แอลซี บีคอน โกลบอล ฟันด์ กล่าวว่า “แม้ว่าเรายังไม่สามารถตัดสินได้แน่ชัดว่ารัฐบาลทรัมป์จะสามารถย้ายการผลิตกลับไปยังสหรัฐได้หรือไม่ และเราก็อาจไม่มีทางรู้แน่ชัด แต่อย่างน้อยเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า ก็ถือเป็นส่วนสำคัญในกลยุทธ์ของพวกเขาอย่างแน่นอน”

“ปัจจัยต่างๆ กำลังประจวบเหมาะกัน และแม้ว่าในตอนนี้การอ่อนค่าของดอลลาร์จะเห็นได้ชัดในกลุ่มโลหะมีค่า และสกุลเงินหลักกลุ่มประเทศ G10 แต่ถึงเวลาแล้วหรือยังที่การอ่อนค่านี้จะขยายไปยังตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะตลาดเกิดใหม่ในเอเชียซึ่งเคลื่อนไหวช้ากว่าคนอื่น?”

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์