ภาษีเป็นเหตุ ‘เทมู’ งดส่งสินค้าจากจีนให้ลูกค้าสหรัฐ ขายจากคลังอเมริกาเท่านั้น

ภาษีทรัมป์ทำพิษ! "เทมู" แสดงสินค้าให้นักช้อปอเมริกันแค่สินค้าในคลังสหรัฐเท่านั้น เนื่องจากสินค้าที่ส่งตรงจากจีนต้องเสียภาษีนำเข้าสูง หลังมาตรการใหม่มีผล 2 พ.ค.
เทมู (Temu) บริษัทค้าปลีกอีคอมเมิร์ซสัญชาติจีน เปลี่ยนโมเดลธุรกิจในสหรัฐกะทันหัน เนื่องจากมาตรการใหม่ด้านการจัดส่งสินค้าราคาต่ำของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีผลเมื่อวันศุกร์ (2 เม.ย.)
ซีเอ็นบีซีรายงานว่า สองสามวันที่ผ่านมาเทมูได้ปรับเปลี่ยนการแสดงผลในเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน เพื่อให้แสดงสินค้าที่จัดส่งจากคลังสินค้าในสหรัฐเท่านั้น ส่วนสินค้าที่ส่งตรงมาจากจีน ซึ่งคิดเป็นสินค้าส่วนใหญ่นั้น ปัจจุบันจะแสดงผลว่าสินค้าหมดสต็อก
เทมู เป็นแอปชอปปิงที่ได้รับความนิยมในสหรัฐในฐานะแหล่งสินค้าลดราคาพิเศษส่งตรงจากจีน อย่างเช่น รองเท้าผ้าใบ มีจำหน่ายในราคาเพียง 5 ดอลลาร์ (ราว 165 บาท) และเครื่องบดกระเทียมราคาเพียง 1.5 ดอลลาร์ (ราว 49 บาท)
เทมูสามารถจำหน่ายสินค้าเหล่านั้นในราคาถูกได้ เนื่องจากกฎ de minimis ที่สินค้าราคาต่ำจะได้รับยกเว้นภาษี ซึ่งแต่ละประเทศจะกำหนดแตกต่างกันไป โดยก่อนหน้านี้สหรัฐกำหนดให้ สินค้าราคา 800 ดอลลาร์หรือต่ำกว่านั้น สามารถนำเข้าได้โดยไม่ต้องเสียภาษี ตั้งแต่ปี 2559
แต่มาตรการที่เป็นช่องโหว่เหล่านั้นสิ้นสุดลงเมื่อวันศุกร์ (2 พ.ค.) เวลา 00.01 น. มีผลมาจากคำสั่งฝ่ายบริหารที่ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามเมื่อเดือนเม.ย.
ทรัมป์เคยสั่งระงับกฎ de minimis ชั่วคราวในเดือนก.พ. และกลับมาใช้อีกครั้งในไม่กี่วันต่อมา เนื่องจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรประมวลผลและเรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้ามูลค่าต่ำจำนวนมากได้ยากลำบาก
ทั้งนี้ การยกเลิกกฎดังกล่าว และการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 145% ทำให้เทมูต้องขึ้นราคาสินค้า ระงับการโฆษณาออนไลน์เชิงรุก และขณะนี้ต้องเปลี่ยนแปลงการแสดงข้อมูลแหล่งสินค้าที่จำหน่ายให้ผู้ซื้อชาวอเมริกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราสูง
โฆษกของเทมู ยืนยันกับซีเอ็นบีซีว่า ขณะนี้การจำหน่ายสินค้าทั้งหมดในสหรัฐดำเนินการโดยผู้ขายในท้องถิ่น พร้อมย้ำว่าการจำหน่ายนั้นดำเนินการ “จากภายในประเทศ” และราคาสินค้าสำหรับผู้ซื้อชาวอเมริกัน “ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง”
“เทมูได้คัดเลือกผู้ขายชาวอเมริกันเข้าร่วมแพลตฟอร์มอย่างแข็งขัน ความเคลื่อนไหวนี้ออกแบบมาเพื่อช่วยให้พ่อค้าแม่ค้าในท้องถิ่นเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น และทำให้บรรดาธุรกิจเติบโตมากขึ้น” โฆษกเทมูกล่าว
ทั้งนี้ ก่อนมีการเปลี่ยนการแสดงข้อมูลแหล่งที่มาสินค้า นักช้อปที่ต้องการซื้อสินค้าที่ส่งตรงจากจีนจะเผชิญกับค่าธรรมเนียมนำเข้าสินค้าราว 130-150% ซึ่งค่าธรรมเนียมนำเข้าแพงกว่าสินค้าแต่ละรายการ และยังมีสินค้าอีกหลายรายการที่ถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสูงกว่าสองเท่า
จากข้อมูลโฆษณาของเทมู ระบุว่า ผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่น “ไม่มีค่าธรรมเนียมนำเข้า” และ “ไม่มีค่าธรรมเนียมจัดส่งเพิ่มเติม”
อย่างไรก็ดี ก่อนที่สหรัฐจะประกาศสงครามภาษีกับจีน บริษัทเจ้าของอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง PDD Holdings ได้เริ่มสร้างคลังสินค้าในสหรัฐในช่วงปีที่ผ่านมา เพื่อรองรับความตึงเครียดทางการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้น และการยกเลิกกฎde minimis แล้ว
ขณะที่ชีอิน (Shein) อีคอมเมิร์ซฟาสต์แฟชั่นราคาถูกสัญชาติจีนที่ได้รับประโยชน์จากช่องโหว่ของกฎดังกล่าว ก็เคลื่อนไหวด้วยการปรับราคาสินค้าขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และเพิ่มแถบอธิบายในตอนชำระเงิน ว่า “ภาษีศุลกากรรวมอยู่ในราคาสินค้าแล้ว ลูกค้าไม่ต้องจ่ายค่าจัดส่งเพิ่มเติม”
ขณะที่ผู้จำหน่ายบุคคลที่สามจำนวนมากในแพลตฟอร์มชอปปิงแอมะซอน (Amazon) ก็พึ่งพาผู้ผลิตในจีนในการจัดหาหรือประกอบสินค้าของตน โดย Amazon Haul คู่แข่งของเทมูได้อาศัยกฎ de minimis ในการจัดส่งสินค้าราคา 20 ดอลลาร์หรือต่ำกว่าจากประเทศจีนไปยังสหรัฐโดยตรงเช่นกัน
เมื่อวันอังคาร (29 เม.ย.) แอมะซอนมีข้อขัดแย้งกับทำเนียบขาว เนื่องจากบริษัทแสดงราคาสินค้าที่รวมอัตราภาษีใหม่ของรัฐบาลทรัมป์เข้าไปด้วย แต่บริษัทได้ยกเลิกนโยบายดังกล่าวไปแล้ว
ทั้งนี้ ก่อนที่ทรัมป์จะดำรงตำแหน่งสมัยที่สอง รัฐบาลของไบเดนได้พยายามจำกัดกฎเรียกเก็บภาษีดังกล่าวแล้วเช่นกัน
ด้านนักวิจารณ์กฎ de minimis ก็ออกมาเตือนว่า ข้อกำหนดดังกล่าวส่งผลเสียต่อธุรกิจอเมริกัน และอำนวยความสะดวกในการขนส่งเฟนทานิลและสารผิดกฎหมายอื่นๆ เนื่องจากคาดว่ามีโอกาสน้อยที่เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะเลือกตรวจสอบพัสดุราคาต่ำ
อ้างอิง: CNBC







