ออสเตรเลีย จัดเลือกตั้ง ท่ามกลางอิทธิพลภาษีทรัมป์ เขย่าการเมือง

“ชาวออสเตรเลีย“ หลายล้านคน ลงคะแนนเลือกตั้งทั่วไป ท่ามกลางแข่งขันดุเดือด ชูนโยบายลดค่าครองชีพ ท่ามกลางผลกระทบมาตรการภาษีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ชาวออสเตรเลียได้พากันออกมาใช้สิทธิลงคะแนนเสียงในเลือกตั้งทั่วไปในวันเสาร์ที่ 3 พฤษภาคม 2568 ซึ่งการแข่งขันมีขึ้นระหว่างนายกรัฐมนตรีแอนโธนี อัลบาเนซี พรรคฝ่ายซ้าย กับปีเตอร์ ดัตตัน ผู้ท้าชิงจากพรรคอนุรักษ์นิยม
ผลการสำรวจความคิดเห็นที่จัดทำขึ้นหลายครั้งก่อนถึงวันเลือกตั้งพบว่า พรรคแรงงานซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของอัลบาเนซี มีโอกาสได้รับชัยชนะเป็นสมัยที่สอง
“เป้าหมายสูงสุดคือชัยชนะติดต่อกัน 2 สมัย ซึ่งเป็นเป้าหมายของวันนี้” อัลบาเนซีกล่าวกับสถานีโทรทัศน์ช่องเจ็ด
แม้การผลสำรวจจะมีคะแนนตามหลังอยู่เพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ แต่ดัตตันกล่าวว่า "ชาวออสเตรเลียที่ยังไม่เปิดเผยว่าลงเสียงให้ใคร" ก็สามารถสร้างความประหลาดใจได้
การให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 เมื่อถูกถามว่า หากพ่ายแพ้เลือกตั้ง ดัตตันจะยังคงเป็นผู้นำฝ่ายค้านต่อไปหรือไม่ ซึ่งดัตตันกล่าวว่า จะพูดถึงชัยชนะเท่านั้น และบอกว่า “ผมอายุ 54 ปีแล้ว ซึ่งยังเด็กมาก และยังมีมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าต่อประเทศนี้”
ชาวออสซี่ที่ลงทะเบียนเลือกตั้งทั้งหมด 18.1 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 3 ของผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า สำนักงานการเลือกตั้งระบุ
การลงคะแนนเสียงถือเป็นเรื่องบังคับ โดยมีค่าปรับ 20 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 13 ดอลลาร์ ทำให้มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งสูงถึง 90 เปอร์เซ็นต์
ผลการเลือกตั้ง อาจออกมาในเร็ว ๆ นี้ภายในคืนวันเสาร์ เว้นแต่ว่าการลงคะแนนเสียงจะสูสีมาก
อัลบาเนซี วัย 62 ปี สัญญาว่าจะนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ แก้ปัญหาวิกฤติที่อยู่อาศัยที่กำลังเลวร้ายลง และทุ่มเงินเข้าระบบดูแลสุขภาพที่ยังขาดความใส่ใจดูแลเท่าที่ควรจะเป็น
ส่วนดัตตัน ผู้นำพรรคเสรีนิยมและอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการลดจำนวนผู้อพยพ ปราบปรามอาชญากรรม และยกเลิกการห้ามใช้พลังงานนิวเคลียร์ที่มีมานานแล้ว
ผลสำรวจบางส่วนแสดงให้เห็นว่า ดัตตันสูญเสียการสนับสนุนจากประชาชน เนื่องจากทรัมป์ ซึ่งปีนี้เขาได้เคยยกย่องว่าเป็น "ผู้คิดใหญ่" ที่มี "ความสำคัญ" บนเวทีโลก
เนื่องจากชาวออสเตรเลียไม่ชอบทรัมป์ ทำให้ดัตตันและอัลบาเนซี จึงมีท่าทีขึงขังต่อมาตรการการขึ้นภาษีของสหรัฐมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ดัตตันกล่าวเมื่อปลายเดือนเมษายนว่า "หากผมจำเป็นต้องต่อสู้กับโดนัลด์ ทรัมป์ หรือผู้นำโลกคนใดคนหนึ่ง เพื่อดูแลผลประโยชน์ของประเทศชาติ ผมจะทำทันที" ขณะที่อัลบานีสประณามการขึ้นภาษีของทรัมป์ว่าเป็น "การทำร้ายทางเศรษฐกิจสหรัฐ" และ "ไม่ใช่สิ่งที่เพื่อนทำกับเพื่อน"







