รวมหมัดตาย ยกแรก จีนชนะน็อคทรัมป์! | กันต์ เอี่ยมอินทรา

รวมหมัดตาย ยกแรก จีนชนะน็อคทรัมป์! | กันต์ เอี่ยมอินทรา

การชะลอการรับถั่วเหลือง ถือเป็นหนึ่งในกระบวนดาบแรกที่จีนใช้สยบความก้าวร้าวของสหรัฐอย่างอยู่หมัด จนสหรัฐเริ่มลดเงื่อนไขลง และมีทีท่าเป็นมิตรต่อการเปิดการเจรจาทางการค้า

คงต้องยอมรับว่า การเข้ามาบริหารประเทศในสมัยที่สอง ใน(แค่) 100 วันที่ผ่านมา ของนายโดนัลด์ ทรัมป์นั้น

ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงทั้งในทางนโยบาย และจะส่งผลในทางปฎิบัติทั้งต่อคนสหรัฐ และคนทั่วโลก ถือได้ว่าเป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง ส่วนจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น หรือไม่นั้น ก็เป็นอีกประเด็นที่เป็นที่ถกเถียงกันอย่างมาก

ล่าสุดสงครามการค้าที่ตอนแรกสหรัฐเชื่อว่าจะมีแต้มต่อเหนือหลายประเทศ โดยเฉพาะจีนนั้นก็ได้ผ่านพ้นยกที่หนึ่งไปเรียบร้อย โดยจีนถือเป็นผู้ชนะ และนับได้ว่าเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง มิใช่เพียงการขึ้นภาษีทางตัวเลข แต่การชะลอการรับถั่วเหลือง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกระบวนดาบแรกที่จีนใช้เพื่อสยบความก้าวร้าวของสหรัฐอย่างอยู่หมัด จนกระทั่งสหรัฐเริ่มลดเงื่อนไขลง และมีทีท่าเป็นมิตรมากขึ้นต่อการเปิดการเจรจาทางการค้า

นอกจากถั่วเหลือง ยังมีสินค้าการเกษตรอื่นๆ อาทิ ล่าสุด คือกรณีของเนื้อหมู ที่สหรัฐก็พึ่งพาตลาดจีนอยู่มาก โดยถึงแม้จะไม่พึ่งพิงมากเท่าถั่วเหลืองที่เกินกว่าครึ่งของผลผลิตในสหรัฐนั้นส่งออกไปยังจีน แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นหมูเป็นดาบที่สองที่จีนใช้ เพื่อแทงไปยังหัวใจของทรัมป์ ซึ่งคือเกษตรกรในรัฐที่เลือกทรัมป์ ซึ่งเกษตรกรในชนบทโดยเฉพาะรัฐบ้านนอกนั้นถือเป็นฐานเสียงหลักที่ทรัมป์เกรงใจอย่างมาก

ยังไม่รวมถึงกรณีที่จีนคืนเครื่องบินโบอิง ที่อาจมีจำนวนสูงถึง 50 ลำแก่บริษัทผลิตเครื่องบินยักษ์ใหญ่สัญชาติสหรัฐที่พึ่งพิงการส่งออกสูงถึง 80% ของยอดขาย และจีนเองก็เป็นหนึ่งในลูกค้ารายใหญ่ที่สำคัญที่สุดของโบอิง ด้วยปริมาณการเติบโตของตลาดการบินอย่างต่อเนื่องในจีน ทำให้จีนต้องการฝูงบินจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉลี่ย 4% ต่อปี โดยมีประมาณการว่าในปี 2043 จีนอาจมีเครื่องบิน (พาณิชย์) รวมกันสูงถึง 9,740 เครื่อง

ขณะที่ การเทขายพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐ เป็นอีกหนึ่งในดาบที่ไม่เพียงแต่จีนใช้ตอบโต้สหรัฐ แต่ยังเป็นการรวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมายของประเทศอื่นๆ อาทิ ญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่ใกล้ชิดสหรัฐที่สุด และดาบนี้ถือได้ว่าจี้ใจดำอย่างยิ่ง และเพราะดาบการรวมการเทขายพันธบัตรสหรัฐนี้เองที่ทำให้ท่าที่ของทรัมป์อ่อนลง และเป็นหนึ่งในโดมิโนตัวแรกที่ทำให้ทรัมป์ถอยร่น จนมาถึงตอนนี้

ทั้งหมดทั้งมวลนี้เอง ยังไม่นับรวมกับการประท้วงที่เกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวกับสังคม เช่นการส่งผู้ลี้ภัยออกจากสหรัฐที่สุ่มเสี่ยงจะผิดกฎหมาย การงัดข้อกับศาลในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนอันเป็นการบั่นทอนต่ออำนาจศาล และหลักการแบ่งแยก ถ่วงดุลอำนาจประชาธิปไตย และยังไม่รวมการทำลายระเบียบโลกทั้งด้านความมั่นคง อาทิ กรณีทิศทางต่อรัสเซีย ยุโรป และสงครามในยูเครน

รวมถึงคะแนนนิยมที่ตกต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ของทรัมป์ในฐานะประธานาธิบดีเอง ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นและปั่นป่วนไม่เพียงแต่ในสหรัฐ แต่เกิดขึ้นทั่วโลกนี้ จึงสามารถพูดได้ว่าทรัมป์คือผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง

และภายใต้ความปั่นป่วนโกลาหลนี้ หลังจากฝุ่นเริ่มจางลงแล้วในตอนนี้ ก็เป็นที่ประจักษ์ว่าจีนยืนหนึ่งในฐานะผู้ชนะ และสหรัฐที่เริ่มต้นแบบก้าวร้าวรุนแรง ขณะนี้ได้ถอยร่นจนต้องยอมรับเงื่อนไขที่จีนตั้งเพื่อเปิดการเจรจาแล้ว