จ้างงานสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 177,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ศก.ยังแกร่ง

จ้างงานสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 177,000 ตำแหน่ง ในเดือนเม.ย. สะท้อนความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ส่งผลกระทบทางลบต่อการจ้างงานอย่างมีนัยสำคัญ แต่การจ้างงานชะลอลง
บลูมเบิร์ก รายงานว่า การเติบโตของการจ้างงานของสหรัฐฯ แข็งแกร่งในเดือนเมษายน และอัตราการว่างงานยังคงทรงตัว ซึ่งบ่งชี้ว่าความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังไม่ส่งผลกระทบที่สำคัญต่อแผนการจ้างงาน
ข้อมูลของสำนักงานสถิติแรงงานที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (2 พ.ค.)ระบุว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 177,000 ตำแหน่งในเดือนที่แล้ว หลังจากที่เพิ่มขึ้นในสองเดือนก่อนหน้านั้นถูกปรับลดลง ขณะที่อัตราการว่างงานไม่เปลี่ยนแปลงที่ 4.2%
รายงานระบุว่าตลาดแรงงานยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสัญญาณว่าธุรกิจที่เผชิญกับความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาษีศุลกากรและความวุ่นวายในตลาดการเงินไม่ได้เปลี่ยนแผนการจ้างงานอย่างมีนัยสำคัญ นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีที่เข้มงวดจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
“นี่เป็นรายงานการจ้างงานที่ดีในทุกๆ ด้าน คำว่า “R” ที่ตลาดแรงงานแสดงให้เห็นในรายงานนี้คือความยืดหยุ่นทนทาน(resilience) ไม่ใช่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย(recession) อย่างแน่นอน” โอลู โซโนล่าหัวหน้าฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจสหรัฐฯ ของบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Fitch Ratings กล่าวในบันทึก “ในตอนนี้ เราควรระงับความลิงโลดใจในอนาคตของเราไว้ เนื่องจากนโยบายการค้ามีแนวโน้มที่จะฉุดรั้งเศรษฐกิจ”
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เปิดตลาดปรับสูงขึ้น และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มขึ้นหลังจากการเปิดเผยข้อมูล ในขณะที่ดอลลาร์ยังคงอ่อนค่าลง นักลงทุนยังลดความคาดหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในปีนี้
เจ้าหน้าที่ของเฟดระบุว่าพวกเขาไม่รีบลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบที่นโยบายของรัฐบาลจะมีต่อเศรษฐกิจ และคาดว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 6-7 พฤษภาคม แม้ว่าเมื่อวันพุธจะรายงานระบุว่าอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงในเดือนมีนาคม
- ทรัมป์กดดันต่อให้เฟดลดดอกเบี้ย
แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเป็นสถาบันอิสระ แต่ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้กดดันให้ธนาคารกลางผ่อนปรนต้นทุนการกู้ยืม เขากล่าวถึงตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งในโพสต์บนโซเชียลมีเดียหลังจากรายงานดังกล่าว และย้ำถึงการเรียกร้องให้ลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง: “ไม่มีเงินเฟ้อ เฟดควรลดอัตราดอกเบี้ย!!!”
การเพิ่มขึ้นของการจ้างงานนั้นครอบคลุมทุกกลุ่ม โดยนำโดยธุรกิจการดูแลสุขภาพ การจ้างงานในภาคขนส่งและคลังสินค้าเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม ซึ่งบ่งชี้ว่าการนำเข้าและกิจกรรมต่างๆ พุ่งสูงขึ้นส่งผลให้ความต้องการแรงงานเพิ่มขึ้น เนื่องจากธุรกิจเร่งดำเนินการเพื่อก้าวไปข้างหน้าด้วยภาษีศุลกากร
- คาดจ้างงานไม่สดใสในเดือนต่อๆไป
ในขณะเดียวกัน ภาคการผลิตมีการเลิกจ้างคนงาน เนื่องจากภาคการผลิตหดตัวมากที่สุดในเดือนที่แล้วตั้งแต่ปี 2020
รัฐบาลกลางเลิกจ้างคนงานเพิ่มเป็นเดือนที่สาม ซึ่งถือเป็นการเลิกจ้างที่ยาวนานที่สุดตั้งแต่ปี 2022 ซึ่งสะท้อนถึงความพยายามของโครงการเพิ่มประสิทธิภาพรัฐบาล (DOGE ) ที่นำโดยอีลอน มัสก์ในการลดขนาดแรงงานของรัฐบาลกลางและลดการใช้จ่ายของรัฐบาล
แอนนา หว่อง, สจ๊วร์ต พอล, เอลิซา วิงเกอร์ และเอสเตลล์ อู นักเศรษฐศาสตร์ของ
สำนักวิจัย Bloomberg Economics ระบุว่า “เราคิดว่าสภาพอากาศที่อบอุ่น การเปิดตัวกองทุนกระตุ้นเศรษฐกิจยุคไบเดนอย่างต่อเนื่อง และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในอดีตช่วยหนุนตลาดแรงงานในเดือนเมษายน แต่เราไม่คิดว่าความแข็งแกร่งนี้จะคงอยู่ตลอดไป รายงานนี้มาเร็วเกินไปที่จะสรุปผลกระทบต่อการจ้างงานเต็มที่จากภาษี 'วันปลดปล่อย' ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์”
บริษัท Challenger, Gray & Christmas ซึ่งเป็นบริษัทจัดหางาน เปิดเผยในรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีว่า รัฐบาลเป็นผู้นำในแง่ของการเลิกจ้างที่ประกาศจนถึงขณะนี้ในปีนี้ โดยส่วนใหญ่แล้วการเลิกจ้างประมาณ 282,000 ตำแหน่งนั้นเกิดจากการดำเนินการของ DOGE นักเศรษฐศาสตร์โต้แย้งว่าตำแหน่งงานในสหรัฐฯ อย่างน้อยครึ่งล้านตำแหน่งอาจได้รับผลกระทบ เนื่องจากการตัดงบประมาณของรัฐบาลกลางแพร่กระจายไปยังผู้รับเหมา มหาวิทยาลัย และหน่วยงานอื่นๆ ที่ต้องพึ่งพาเงินทุนจากรัฐบาล
อัตราการมีส่วนร่วมของแรงงาน ซึ่งเป็นสัดส่วนของประชากรที่ทำงานหรือกำลังหางาน เพิ่มขึ้นเป็น 62.6% ในเดือนเมษายน อัตราของแรงงานที่มีอายุระหว่าง 25 ถึง 54 ปี ซึ่งเรียกว่าแรงงานวัยทำงาน ได้พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน
นักเศรษฐศาสตร์ยังให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดว่าอุปทานแรงงานและพลวัตของอุปสงค์มีผลกระทบต่อการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อกลับมาทวีความรุนแรงอีกครั้ง รายงานระบุว่ารายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการชะลอตัวลงจากเดือนมีนาคม และเพิ่มขึ้น 3.8% จากปีก่อน
ข้อมูลอื่นๆ ชี้ให้เห็นถึงการเสื่อมถอยลงอย่างเห็นได้ชัดของสภาวะตลาดแรงงาน จำนวนตำแหน่งงานว่างในเดือนมีนาคมลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน และรายงานการจ้างงานภาคเอกชนยังแสดงให้เห็นว่านายจ้างเพิ่มจำนวนพนักงานในเดือนเมษายนน้อยที่สุดในรอบ 9 เดือน
นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าการเลิกจ้างจะเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทำให้แผนการขยายตัวต้องหยุดชะงัก บริษัท United Parcel Service คาดว่าจะเลิกจ้างพนักงาน 20,000 คน เนื่องจากคาดว่าความต้องการซื้อของออนไลน์จะลดลง บริษัทอื่นๆ รวมถึง Volvo Group และ Cleveland-Cliffs ก็กำลังจะเลิกจ้างพนักงานเช่นกัน
“นั่นเป็นสถิติการจ้างงานดีเป็นครั้งที่สองติดต่อกันที่ประธานาธิบดีทำผลงานได้ดีกว่าที่คาด” สตีเฟน มิรัน ประธานคณะที่ปรึกษาเศรษฐกิจของประธานาธิบดี กล่าวทางสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์ก “และข้อมูลที่แน่ชัดยังคงโอเค”
- เปิดตลาดหุ้นพุ่งขึ้นรับข่าวดี
ด้านซีเอ็นบีซี รายงานว่า หุ้นกปรับตัวสูงขึ้นในช่วงเปิดตลาดในวันศุกร์ เนื่องจากวอลล์สตรีทได้ย่อยรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนเมษายนที่ดีเกินคาด ซึ่งช่วยบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และทำให้ดัชนี S&P 500 มีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องยาวนานที่สุดในรอบกว่าสองทศวรรษ
ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น 1.2% ซึ่งส่งผลให้ดัชนีตลาดโดยรวมปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่เก้า หากดัชนีปิดตลาดในระดับสูง ซึ่งจะถือเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2004 (2547)
ด้านดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ พุ่งขึ้น 440 จุด หรือ 1.1% และดัชนี Nasdaq Composite พุ่งขึ้น 1.2%
จำนวนการจ้างงานเพิ่มขึ้น 177,000 ตำแหน่งในเดือนเมษายน สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์สำรวจโดยบริษัทดาวโจนส์คาดการณ์ไว้ที่133,000 ตำแหน่ง ตัวเลขดังกล่าวยังคงลดลงอย่างมากจาก 228,000 ตำแหน่งที่เพิ่มขึ้นในเดือนมีนาคม แต่ดีกว่าที่คาดไว้มาก หลังจากมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากขึ้นในเดือนที่แล้ว
ข้อมูลตลาดแรงงานล่าสุดที่ออกมาดีกว่าคาด ทำให้นักลงทุนเชื่อว่าเฟดจะเลื่อนการลดดอกเบี้ยออกไปจนถึงเดือนกรกฎาคม แทนที่จะเริ่มลดดอกเบี้ยรอบใหม่ในเดือนมิถุนายนตามที่คาดการณ์กันไว้ก่อนหน้านี้







