ญี่ปุ่นเปิดตัว AZEC-SAVE ช่วยไทยเดินหน้าสู่เน็ตซีโร่

ภารกิจลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนไปจนถึงปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์หรือเน็ตซีโร่ คือสิ่งที่ทุกประเทศต้องทำช้าเร็วแตกต่างกันไปตามศักยภาพแต่เป้าหมายอันเดียวกัน
KEY
POINTS
หลายหน่วยงานของญี่ปุ่น ร่วมกันเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ AZEC-SAVE (Smart and Advanced Value-chain for Environment) เป็นกรอบความร่วมมือส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
AZEC-SAVE เป็นที่รวมสินค้า บริการ เทคโนโลยี เงินทุน และบุคลากรจากญี่ปุ่น ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการลดการใช้พลังงานเดินหน้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน/เน็ตซีโร่
ภาคอุตสาหกรรมของไทยใช้ไฟฟ้ามากและค่าไฟในไทยสูงกว่าเวียดนามมาก การประหยัดพลังงานจึงถือเป็นแรงจูงใจสำคัญ
รัฐบาลไทยตั้งเป้าเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 และเน็ตซีโร่ภายในปี 2065 งานนี้ทำคนเดียวอาจจะยากหากได้พันธมิตรมาช่วยย่อมง่ายดายขึ้น ซึ่งญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ร่วมมือกับไทยและอาเซียนใกล้ชิดในหลายๆ มิติอยู่แล้ว รวมทั้งภายใต้แพลตฟอร์ม AZEC (Asia Zero Emission Community) ความร่วมมือที่มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน/เน็ตซีโรในภูมิภาคเอเชีย ประกอบด้วย 11 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม
ล่าสุดธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JBIC), สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย, สมาคมเพื่อความร่วมมือทางเทคนิคและหุ้นส่วนที่ยั่งยืนในต่างประเทศ (AOTS), องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) และ องค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรมแห่งประเทศญี่ปุ่น (NEDO) ร่วมกันเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ AZEC-SAVE (Smart and Advanced Value-chain for Environment) เป็นกรอบความร่วมมือส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ที่จะทำให้แพลตฟอร์ม AZEC เป็นความจริง
- ทำไมต้อง AZEC-SAVE
โอตากะ มาซาโตะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยกล่าวว่า AZEC เป็นแพลตฟอร์มที่ญี่ปุ่นและอาเซียนจัดตั้งขึ้นในปี 2023 ตามข้อเสนอ ของนายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะ เมื่อปี 2022 มีวัตถุประสงค์ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ซึ่งทั้งไทยและญี่ปุ่นมีเป้าหมายเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 ตอนนี้ทั้งสองประเทศประสบปัญหาความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง โดยเฉพาะดาต้าเซ็นเตอร์ที่บริโภคพลังงานมาก
"ความร่วมมือระหว่างไทยกับญี่ปุ่นภายใต้กรอบ AZEC มีกิจกรรมหลากหลาย การเปิดตัวแพลตฟอร์ม AZEC-SAVE เน้นในเรื่องการประหยัดพลังงาน ส่งเสริมการลดการใช้พลังงานในประเทศไทย ซึ่งญี่ปุ่นมีเทคโนโลยีและประสบการณ์จากวิกฤติการณ์น้ำมัน (oil shock) ที่จะเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยประเทศไทยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้" ทูตมาซาโตะกล่าว
- โร้ดแมปไทยสู่เน็ตซีโร่
ฟุจิโอกะ เรียวสุเกะ หัวหน้าตัวแทน AOTS สำนักงานกรุงเทพฯ, ยามาโตะ ยาสุยูกิ ผู้อำนวยการแผนกหนึ่ง กองพลังงานใหม่และการเงินของ JBIC และโทโมยูกิ มายากูชิ หัวหน้าคณะตัวแทน JBIC ประจำกัมพูชา ลาว และเมียนมา ร่วมกันสรุป แพลตฟอร์ม AZEC-SAVE ที่ไทยจะใช้ประโยชน์ โดยมีเป้าหมายเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 เป็นตัวตั้ง เริ่มต้นจากการพิจารณาสถานการณ์ปัจจุบันและความท้าทายในประเทศไทย ซึ่งแบ่งออกได้เป็นสามเฟส ได้แก่
ต้นน้ำ (การผลิตไฟฟ้า) ไทยผลิตกระแสไฟฟ้าได้เพียงพอ และแตกต่างจากประเทศอื่นในอาเซียนตรงที่ไทยใช้ก๊าซผลิตไฟฟ้าค่อนข้างมากที่ 60% ถ่านหิน 20% และพลังงานหมุนเวียน 20% ขณะที่ประเทศอื่นใช้ถ่านหินมาก ตามแผนพัฒนาพลังงาน 2024 ตั้งเป้าเพิ่มการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้มากกว่า 50%
กลางน้ำ (การส่งและกระจายไฟฟ้า) ไทยมีแผนเพิ่มขีดความสามารถในการส่ง เปลี่ยนผ่านไปสู่สมาร์ทกริด โดยรัฐวิสาหกิจอย่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิต, การไฟฟ้านครหลวง, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รับผิดชอบเรื่องการส่งและกระจายไฟ
ปลายน้ำ (การบริโภคไฟฟ้า) 40% ของการบริโภคในประเทศไทยเป็นไปเพื่อการผลิต โรงงานที่ผลิตเพื่อส่งออกต้องประหยัดพลังงาน เพื่อครอบคลุมถึงการปล่อยก๊าซคาร์บอน ประเภทที่ 2 การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้พลังงาน (SCOPE II) และประเภทที่ 3 การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมอื่น ๆ (SCOPE III)
นอกจากโรงงานอุตสาหกรรมแล้ว ไทยยังมีศูนย์การค้า โรงแรม ถ้ามีโอกาสนำความรู้และประสบการณ์จากญี่ปุ่นมาช่วยจะช่วยประหยัดพลังงานได้มาก
- AZEC-SAVE ทางออกประหยัดพลังงาน
คณะตัวแทนกล่าวว่า ภายใต้แพลตฟอร์ม AZEC-SAVE ญี่ปุ่นพร้อมสนับสนุนในด้านบุคลากรและบริการความร่วมมือทางการเงินเพื่อช่วยให้ประเทศไทยลดการใช้พลังงานได้มากขึ้น ซึ่งผู้บริโภคพลังงานในเมืองไทยมีทั้งบริษัทญี่ปุ่นสาขาประเทศไทย บริษัทและรัฐวิสาหกิจของไทย บริษัทต่างชาติ นิคมอุตสาหกรรมและอื่นๆ ขณะที่ญี่ปุ่นมีสินค้าและบริการช่วยลดการใช้พลังงาน มีสถาบันการเงินภาครัฐภาคเอกชน ลีสซิ่ง อีกทั้งสถาบันของรัฐบาล อาทิ สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย, องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO), องค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรมแห่งประเทศญี่ปุ่น (NEDO), AOTS (ดูแลความร่วมมือไทย-ญี่ปุ่น, อาเซียน-ญี่ปุ่น สังกัดกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมระหว่างประเทศ) และอื่นๆ เช่น JBIC (ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น) ที่จะร่วมมือกันสร้างแพลตฟอร์มและอีโคซิสเต็มให้สมบูรณ์มากขึ้น
- การทำงานของ AZEC-SAVE
AZEC-SAVE มีพร้อมทั้งกิจกรรม คน และเงิน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายประหยัดพลังงาน เริ่มต้นจากคน AZEC-SAVE มีหน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงานของญี่ปุ่นมารวมตัวกันจึงมีพลังในการพูดคุยกับภาครัฐไทยได้ง่ายขึ้น น่าสังเกตว่าภายใต้กรอบความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างสองประเทศได้มีหัวข้อการประหยัดพลังงานเสริมขึ้นมาด้วย
สำหรับเงินทุนมีผู้ให้บริการด้านการเงินทั้งธนาคารพาณิชย์ญี่ปุ่น สถาบันการเงินสาธารณะ ธนาคารท้องถิ่น บริษัทลีสซิงทั้งญี่ปุ่นและท้องถิ่น รวมถึงหน่วยงานอื่นๆ
กิจกรรมที่ทำเช่น จับคู่ธุรกิจ (business matching) จัดสัมมนาเผยแพร่แพลตฟอร์ม AZEC-SAVE และประชาสัมพันธ์การประหยัดพลังงานอยู่เสมอ เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยและผู้ประกอบการญี่ปุ่นที่มีเทคโนโลยีและบริการให้ได้เจอกันมากที่สุด
- เริ่มต้นที่ความเข้าใจ
คณะผู้แทนญี่ปุ่นกล่าวว่า การจะลดการใช้พลังงานได้อย่างแรกเลยต้องทำให้คนในภาคเอกชนเข้าใจก่อนว่าความเป็นกลางทางคาร์บอนหมายถึงอะไร ขั้นตอนแรกคือการทำให้มองเห็น (Visualizing) เหมือนคนอยากลดความอ้วนก็ต้องไปชั่งน้ำหนักก่อน ในที่นี้หมายถึงทำให้เห็นว่าใช้พลังงานไปเท่าใดเมื่อเห็นแล้วย่อมลดได้อย่างถูกจุด เมื่อลดได้แล้วจึงเปลี่ยนการใช้พลังงาน (transition) จากพลังงานดั้งเดิมไปเป็นพลังงานทดแทน
การจะทำให้มองเห็นได้ต้องมีอุปกรณ์ หรือ Know How ซึ่ง AZEC-SAVE สามารถแนะนำบริษัทญี่ปุ่นที่มีเทคโนโลยีเหล่านี้ให้ผู้ประกอบการได้รู้จัก นำมาลดการใช้พลังงานแบบไคเซ็นกล่าวคือไม่ต้องเปลี่ยนทีเดียวทั้งระบบแต่ค่อยๆ เปลี่ยนได้
- ความสนใจของผู้ประกอบการไทย
การจับคู่ธุรกิจที่ผ่านมา ผู้ประกอบการไทยให้ความสนใจมาก แบ่งออกเป็นสองกลุ่มคือ กลุ่มคนที่มีทัศนคติทำธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว กลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับ corporate governance ก่อนยอดขาย กับกลุ่มที่สนใจต้นทุนเป็นหลัก ซึ่งถ้าลดพลังงานได้ก็จะลดต้นทุนได้ด้วย
ส่วนสถานการณ์ตอนนี้ที่เศรษฐกิจไม่ดี ผู้ประกอบการอาจไม่มีแรงจูงใจให้ลงทุนด้านสิ่งแวดล้อม แพลตฟอร์ม AZEC-SAVE มีบริการทางการเงินความเสี่ยงต่ำที่ช่วยให้ผู้ประกอบการตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญคือการแนะนำตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม เพราะการลดใช้พลังงานสามารถคำนวณมูลค่าได้อย่างแน่นอน เช่น ในญี่ปุ่น การลงทุนปรับเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศสามารถลดต้นทุนได้ถึงปีละ 3 ล้านบาท
- AZEC-SAVE กับภาษีทรัมป์
สำหรับนโยบายภาษีของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ 2.0 ที่เล่นงานทุกประเทศในตอนนี้ อาจไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงต่อแพลตฟอร์ม AZEC-SAVE แต่ถ้าไทยมีความเสี่ยงถูกสหรัฐเก็บภาษี ต้องการหาตลาดส่งออกใหม่ เช่น ยุโรป AZEC- SAVE ก็อาจเป็นทางเลือกช่วยกระจายความเสี่ยง เพราะยุโรปมีมาตรการดูแลสิ่งแวดล้อมเข้มงวด คว่ำบาตรผู้ประกอบการที่ไม่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน
“ดังนั้นการทำกิจกรรมลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทำไว้ดีแน่นอน” คณะตัวแทนญี่ปุ่นย้ำ ก่อนทิ้งท้ายด้วยจุดเด่นของประเทศไทยใน AZEC
"ประเทศอื่นๆ ในอาเซียนต้องการความร่วมมือต้นน้ำและกลางน้ำ คือการผลิตไฟและระบบส่งจ่าย แต่ประเทศไทยต้นน้ำและกลางน้ำแข็งแรงมากอยู่แล้ว จุดเด่นของไทยอยู่ที่ปลายน้ำคือภาคอุตสาหกรรม ถ้าเทียบกับเวียดนามค่าไฟไทยแพงกว่ามากจึงน่าจะเป็นแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการไทยหันมาสนใจลดการใช้พลังงาน"







