ภาษีทรัมป์ฉุดดัชนี PMI จีน 'หดตัวแรง' แตะระดับต่ำสุดเกือบ 2 ปี

ภาษีทรัมป์ฉุดดัชนี PMI จีน 'หดตัวแรง' แตะระดับต่ำสุดเกือบ 2 ปี

ภาษีทรัมป์พ่นพิษ ฉุดดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ PMI จีน 'หดตัวแรง' เหลือ 49.0 แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี นักวิเคราะห์มองนโยบายรัฐอาจชดเชยได้ไม่หมด คาดจีดีพีโตแค่ 3.5%

สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เดือนเม.ย. ปรับตัวลดลงอยู่ที่ 49.0 ซึ่งเข้าสู่ระดับของการ "หดตัว" (ต่ำกว่าเกณฑ์ 50) และยังเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี นับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2566 เนื่องจากสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้นกับสหรัฐกำลังส่งผลกระทบต่อการค้าทวิภาคี

ตัวเลขดังกล่าวผิดจากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ในผลสำรวจของรอยเตอร์สว่าจะอยู่ที่ 49.8 หรือหดตัวลงเล็กน้อย โดยนับเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับเดือนมี.ค. ที่ตัวเลข PMI ขยายตัวได้เร็วที่สุดในรอบปี เนื่องจากผู้ส่งออกเร่งส่งสินค้ากันก่อนที่สหรัฐจะประกาศภาษีนำเข้าในเดือนเม.ย. 

ดัชนีย่อยในหมวดการผลิตและคำสั่งซื้อใหม่ลดลงอย่างรวดเร็วเหลือ 49.8 และ 49.2 ตามลำดับ ซึ่งบ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่อ่อนตัวลงในภาคการผลิต เช่นเดียวกับดัชนีต้นทุนวัตถุดิบและราคาผลผลิตในภาคอุตสาหกรรมที่ลดลงต่อเนื่องเช่นกันอยู่ที่ 47.0 และ 44.8 ตามลำดับ

ทางด้านภาคเอกชนอย่าง Caixin/S&P ได้เปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตจีนในเดือนเดียวกันพบว่า ดัชนีชะลอตัวลงเหลือ 50.4 ในเดือนเม.ย. จากระดับ 51.2 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวเล็กน้อย และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ที่ 49.8

ส่วน PMI ที่ไม่ใช่ภาคการผลิต ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นภาคบริการและการก่อสร้างนั้น ลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 50.4 จาก 50.8 ในเดือนก่อนหน้า 

จ้าว ชิงเหอ นักสถิติอาวุโสของสำนักงานสถิติแห่งชาติกล่าวว่า กิจกรรมภาคโรงงานที่ชะลอตัวลงนั้นเกิดจาก “การเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในสภาพแวดล้อมภายนอก”  และกล่าวเสริมว่าจีนจะประสานงานการทำงานด้านเศรษฐกิจในประเทศและข้อพิพาททางการค้าระหว่างประเทศต่อไป โดยเน้นที่การกระตุ้นการจ้างงาน สนับสนุนภาคธุรกิจ และเสริมเสถียรภาพของตลาด

หวง จื่อชุน นักเศรษฐศาสตร์จีนจาก Capital Economics กล่าวในบันทึกว่า การลดลงอย่างรุนแรงของดัชนี PMI อาจสะท้อนผลกระทบจากภาษีศุลกากรสหรัฐที่เกินจริงไปหน่อย เนื่องจากเป็นผลกระทบด้านความรู้สึกเชิงลบมากกว่า

อย่างไรก็ดี ตัวเลขนี้ก็บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของจีนกำลังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากอุปสงค์ภายนอกที่ลดลง และแม้ว่ารัฐบาลปักกิ่งจะเร่งสนับสนุนทางการคลัง แต่ก็อาจจะไม่สามารถช่วยชดเชยปัญหาได้ทั้งหมด โดยคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวได้เพียง 3.5% ในปีนี้ จากประมาณการของทางการจีนที่ราว 5%