ฟู้ดเดลิเวอรี่ ‘จีน’ เดือด JD.com กับ Meituan ท้าชิงความเป็นใหญ่ในตลาด

สมรภูมิฟู้ดเดลิเวอรี่ใน ‘จีน’ เดือด JD.com ทุ่ม 1.4 พันล้านดอลลาร์ ท้าชิงส่วนแบ่งตลาดจากเบอร์ 1 อย่าง Meituan ที่สวนกลับ รุกตลาด ‘ค้าปลีก’ สุดท้ายอาจกระทบกำไรทั้ง 2 บริษัท
KEY
POINTS
- JD.com ทุ่มเงิน1.4 พันล้านดอลลาร์เพื่อโปรโมทแพลตฟอร์มจัดส่งอาหารน้องใหม่ “JD Takeaway” ท้าชิงเบอร์ 1 อย่าง Meituan
- ปัจจุบัน JD.com มีส่วนแบ่งตลาดธุรกิจจัดส่งอาหารในจีนเพียง 5% เท่านั้น ก่อนหน้านี้ Meituan ครองส่วนแบ่งตลาด 75% และ Ele.me ของ Alibaba มี 25%
-
Meituan ตอบโต้ด้วยการขยายธุรกิจไปยัง “ตลาดค้าปลีก” ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักของ JD.com
สมรภูมิธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรี่ใน “จีน” ระหว่างสองบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง “เจดีดอทคอม” (JD.com Inc.) และ “เหม่ยถวน” (Meituan) กำลังแข่งขันเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดกันอย่างดุเดือด
ทั้งสองบริษัทต่างกำลังแข่งขันกันอย่างหนัก โดย JD.com พยายามชิงความเป็นผู้นำในตลาดบริการจัดส่งอาหาร ซึ่งปัจจุบัน Meituan ครองเบอร์ 1 ในขณะที่ Meituan เองก็กำลังขยายธุรกิจรุกเข้าไปในตลาดอีคอมเมิร์ซ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่สำคัญของ JD.com
JD.com ทุ่มสุดตัว รุกฟู้ดเดลิเวอรี่
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้เกิดขึ้นในช่วงที่ JD.com กำลังทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อโปรโมทแพลตฟอร์มจัดส่งอาหารน้องใหม่ที่มีชื่อว่า “JD Takeaway” ซึ่งเพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนก.พ. โดยบริษัทได้ประกาศลดราคาสินค้าและบริการมัมูลค่ารวมกว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ให้กับผู้บริโภค และยกเลิกค่าธรรมเนียมการค้าสำหรับร้านค้าบางราย และตั้งเป้าที่จะจ้างพนักงานส่งอาหารแบบเต็มเวลาถึง 100,000 คน
จากข้อมูลของ JPMorgan Chase & Co. พบว่า ปัจจุบัน JD.com เข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดธุรกิจจัดส่งอาหารของจีนเพียงประมาณ 5% ซึ่งก่อนหน้านี้ส่วนแบ่งตลาดส่วนใหญ่ตกเป็นของ Meituan ที่ประมาณ 75% และ Ele.me ของ Alibaba Group Holding Ltd. ที่ 25%
ธุรกิจใหม่ จ่อได้ไม่คุ้มเสีย?
JPMorgan ยังคาดการณ์ว่า ด้วยขนาดธุรกิจของ JD Takeaway ในขณะนี้ อาจทำให้ JD.com ขาดทุนสูงถึงประมาณ 2,500 ล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งอาจฉุดกำไรจากการดำเนินงานโดยรวมของบริษัทแม่ลดลงถึง 36% ในปี 2025
Alex Yao นักวิเคราะห์จากJPMorgan Chase & Co. มองว่ากลยุทธ์การทุ่มเงินเพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาดนี้เป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืน เนื่องจากมันจะส่งผลกระทบทางการเงินอย่างมากต่อผลกำไรและขาดทุนโดยรวมของ JD.com การที่ผู้เล่นรายใหม่จะเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดด้วยการใช้ "เงิน" ถือเป็นต้นทุนที่สูงเกินไป
Felix Wang จาก Hedgeye Risk Management มองว่า JD.com เผชิญกับข้อจำกัดในการเติบโตภายในประเทศจีน และยังไม่ได้ขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศมากนัก ด้วยเหตุนี้ การที่ JD.com ทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อบุกตลาด JD Takeaway จึงถูกมองว่าเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อตอบโต้คู่แข่งเชิงรับมากกว่าที่จะเป็นการแสวงหาโอกาสใหม่เพียงอย่างเดียว และเป้าหมายของการรุกเข้าสู่ตลาดนี้อาจไม่ได้จำกัดอยู่แค่ธุรกิจบริการส่งอาหารเท่านั้น แต่อาจมีปัจจัยอื่นๆ ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง
Meituan สวนกลับ ลงแข่งตลาด ‘ค้าปลีก’
ในอดีตที่ผ่านมา Meituan สามารถเอาชนะคู่แข่งรายใหม่ในธุรกิจจัดส่งอาหารได้สำเร็จ แต่ในครั้งนี้ JD.com ถือเป็นความท้าทายที่น่าจับตามอง ด้วยข้อได้เปรียบด้านเครือข่ายการจัดส่งสินค้าที่ครอบคลุมทั่วประเทศ
Meituan ตอบโต้ JD.com ด้วยการขยายธุรกิจไปยัง “ตลาดค้าปลีก” แบบเร่งด่วน ซึ่งเป็นตลาดที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับ JD.com โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสินค้าคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ Meituan เริ่มให้ความสนใจในปีนี้
แม้ว่าธุรกิจหลักของทั้ง 2 บริษัทจะยังคงพึ่งพาการบริโภคภายในประเทศจีนเป็นหลัก แต่ Meituan ก็มองเห็นโอกาสในการเติบโตในตลาดต่างประเทศ และได้เริ่มลงทุนอย่างจริงจังเพื่อขยายบริการจัดส่งอาหารไปยังต่างแดนผ่านแอปพลิเคชัน Keeta
สมรภูมิเพิ่งเริ่มต้น จ่อกระทบกำไรในอนาคต
การแข่งขันที่เข้มข้นระหว่าง JD.com และ Meituan ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นของ Meituan ในฮ่องกงร่วงลงมาถึง 30% จากจุดสูงสุดเมื่อเดือนมีนาคม ฉุดมูลค่าของบริษัทหายไปถึง 7 หมื่นล้านดอลลาร์ ทำให้นักลงทุนคาดว่าาการแข่งขันนี้อาจจะยืดเยื้อและส่งผลเสียต่อกำไรของทั้งสองบริษัท
เมื่อการแข่งขันระหว่าง JD.com และ Meituan ยังคงดำเนินต่อไปและยังไม่สามารถประเมินได้ว่าการแข่งขันครั้งนี้จะยาวนานแค่ไหน
Daisy Li ผู้จัดการกองทุนจาก EFG Asset Management HK Ltd. มองว่าระดับการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดบริการส่งอาหารของจีนจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการสร้างผลกำไรของทั้งสองฝ่ายอย่างแน่นอน
อ้างอิง Bloomberg