เฟด สำรวจ แนวโน้มสงครามการค้าโลก เขย่าเสถียรภาพการเงิน สหรัฐ

รายงานเฟด พบ โลกเสี่ยงเกิดสงครามการค้าเพิ่มขึ้น จากนโยบายไม่แน่นอน และสหรัฐ อาจต้องเผชิญหนี้ระยะยาว เป็นอันดับต้นๆ
ธนาคารกลางสหรัฐ เผยรายงานผลสำรวจแนวโน้มความเสี่ยงทางการเงิน ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (25 เม.ย.) พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม 73% ระบุว่า ความเสี่ยงด้านการค้าโลกเป็นข้อกังวลในอันดับต้นๆ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าในรายงานการสำรวจเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วถึงสองเท่า เช่นกันกับที่การสำรวจครั้งนี้พบว่า ครึ่งหนึ่ง ระบุนโยบายที่ไม่แน่นอนของทรัมป์ ได้สร้างความกังวลเพิ่มขึ้นจากที่เคยลดลงก่อนหน้า
รายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นทุกๆสองปี และถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่ง และเริ่มมีผลกระทบที่ชัดเจนจากนโยบายเชิงรุกของทรัมป์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อภาษีศุลกากร
“ มีความกังวลต่อการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายการค้า จัดได้ว่าเป็นความเสี่ยงที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในช่วงนี้ แม้ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนมากจะมองว่า ภาษีศุลกากรเป็นความเสี่ยงที่สำคัญ แต่บางคนตั้งข้อสังเกตว่า เศรษฐกิจในสหรัฐสามารถต้านทานภาษีสินค้านำเข้าที่เพิ่มขึ้น แต่อาจสร้างการหยุดชนะเล็กน้อย” รายงานสำรวจระบุ และบอกด้วยว่า ผู้ทำแบบสอบถามมองว่า สงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น อาจส่งผลกระทบรุนแรงยิ่งกว่าเดิม
มีผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า “การเรียงลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายรัฐบาล และนโยบายต่างประเทศของสหรัฐที่เปลี่ยนไป เป็นสิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนที่ชัดเจน”
นอกจากนี้ผลสำรวจยังพบว่า ผู้ตอบความคิดเห็นสนใจในปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความผันผวนในตลาดมากขึ้น โดย 27% กังวลเกี่ยวกับความเป็นไปของตลาดพันธบัตร ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 17% เมื่อฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้การที่ต่างชาติเทขายสินทรัพย์ในสหรัฐ และมูลค่าของดอลลาร์ที่เพิ่มขึ้น ยังเป็นสิ่งที่น่ากังวลด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เฟด ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นจากแหล่งความเห็น 22 แห่ง ซึ่งรวมทั้งนักวิชาการ นักลงทุน และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน โดยส่วนใหญ่ได้ส่งคำตอบก่อนวันที่ 2 เมษาที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศกำหนดตัวเลขภาษีศุลกากรต่อประเทศต่างๆทั่วโลก และหนึ่งสัปดาห์ต่อ ก็ได้ระงับการเรียกเก็บภาษีที่เข้มงวดที่สุด เป็นเวลา 90 วัน ก่อนที่จะจะเปิดให้ประเทศต่างๆเข้ามาเจรจาภาษี และตอนนี้รัฐบาลสหรัฐกำลังพิจารณาข้อตกลงการค้าใหม่
อ้างอิง Reuters