จีนยืนยันไม่มีการเจรจาการค้ากับสหรัฐอย่างที่เป็นข่าว

จีนยืนยันไม่มีการเจรจาการค้ากับสหรัฐอย่างที่เป็นข่าว

จีนเผยไม่มีการหารือเรื่องภาษีกับสหรัฐ แม้สัปดาห์นี้ทำเนียบขาวบอกว่าจะมีการผ่อนคลายความตึงเครียดบางส่วนกับรัฐบาลปักกิ่ง

เว็บไซต์ซีเอ็นบีซีรายงานถ้อยแถลงจาก เหอ หยาตง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน ในวันพฤหัสบดี (24 เม.ย.68)

“ณ ขณะนี้ไม่มีการเจรจาใดๆ เรื่องเศรษฐกิจ และการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐเลย” จึงไม่ควรสนใจ “ทุกคำพูด” ที่บอกว่า การเจรจาทวิภาคีคืบหน้า

“ถ้าสหรัฐต้องการแก้ปัญหานี้จริง ควรยกเลิกมาตรการฝ่ายเดียวทุกอย่างที่สหรัฐใช้กับจีน” โฆษกย้ำ

สืบเนื่องจากสัปดาห์นี้ทั้งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวเป็นนัยว่า อาจมีการผ่อนคลายความตึงเครียดกับจีน หลังจากทำเนียบขาวเก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่มเป็น 145% รัฐบาลปักกิ่งตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีเช่นกัน และเพิ่มข้อจำกัดการส่งออกแร่ธาตุสำคัญไปยังสหรัฐ

ความเห็นของโฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนสอดรับกับความเห็นของกั๊วะ เจียคุน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงเมื่อบ่ายวันพฤหัสบดีว่า ไม่มีการเจรจาใดๆ โฆษกทั้งสองคนยึดหลักการอันเป็นทางการที่ว่า จีนยินดีเจรจากับสหรัฐก็ต่อเมื่อรัฐบาลปักกิ่งได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม

มุมมองนักวิเคราะห์

“จีนอยากเห็นสงครามการค้าผ่อนคลายลงอย่างแน่นอน เพราะมันทำลายทั้งสองประเทศ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากนโยบายทรัมป์ไม่แน่นอน และไม่ชัดเจนว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ ยุทธศาสตร์ของจีนจึงเปลี่ยนจากโฟกัสที่ ‘สิ่งที่คุณต้องการ’ มาเป็น ‘สิ่งที่ผมต้องการ’ การเรียกร้องให้สหรัฐยกเลิกภาษี ‘ที่เก็บตามอำเภอใจ’ สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงนี้” หยิว ซู นักเศรษฐศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านจีน จากอีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ อินสติติวต์ ให้ความเห็น

ไม่กี่วันก่อนจีนเพิ่งขู่ว่าจะตอบโต้ประเทศที่อาจไปทำข้อตกลงกับสหรัฐแล้วทำให้ผลประโยชน์ของรัฐบาลปักกิ่งเสียหาย

“เราจำเป็นต้องตระหนักว่า นี่เป็น ‘ช่วงเวลาสำคัญ’ สำหรับจีนในแง่ความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน ผมไม่แปลกใจเลยถ้าจีนใช้ท่าทีแข็งกร้าวมากขึ้น หากสหรัฐยังคงขยายวงความตึงเครียด” ซูขยายความ

ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาธนาคารหลายแห่งในวอลล์สตรีทปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจีน (จีดีพี) ผลพวงจากภาษี และความตึงเครียดกับสหรัฐบานปลาย

แถลงการณ์จากกระทรวงพาณิชย์ในวันพฤหัสบดี เน้นย้ำถึงความพยายามของรัฐบาล และภาคธุรกิจในการช่วยเหลือบริษัทต่างๆ ให้ขายสินค้าสำหรับส่งออกในตลาดจีนแทน

“จากมุมมองของจีน การเจรจาใดๆ ให้ได้ผลต้องให้สหรัฐลดภาษีลงเหลือ 20% หรือต่ำกว่านั้น แต่สำหรับรัฐบาลทรัมป์ การลดภาษีมากเกินไปอาจทำให้เกิดคำถามชวนกระอักกระอ่วน จะเผชิญหน้ากันไปทำไมในเมื่อสุดท้ายเราก็กลับไปที่เดิม” เจียนเหว่ย ซู นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสด้านเกรทเตอร์ไชนา จากบริษัท Natixis แสดงทัศนะ

สหรัฐนั้นเป็นคู่ค้าประเทศเดียวใหญ่สุดของจีน แต่ช่วงหลายปีหลังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แซงหน้าสหภาพยุโรปขึ้นมาเป็นคู่ค้าภูมิภาคใหญ่สุดของจีน

ผู้ส่งออกจีนเตรียมลาตลาดสหรัฐถาวร

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ด้วยภาษีทรัมป์ที่เรียกเก็บสินค้าจากจีนถึง 145% โรงงานที่ผลิตสินค้าต่างๆ เช่น เครื่องชงกาแฟ และกางเกงโยคะของจีนจำเป็นต้องหยุดส่งออกไปยังสหรัฐ และหยุดสายการผลิตเหล่านั้น โดยเหลือการทำงานเพียง  3-4 วันต่อสัปดาห์ เท่านั้น

แม้ทรัมป์จะส่งสัญญาณว่า อัตราภาษีต่อจีนจะไม่อยู่ในระดับสูงเช่นนี้ตลอดไป แต่ผู้ส่งออกบางรายที่หวาดวิตก ก็เริ่มวางแผนถอนตัวออกจากตลาดสหรัฐ “อย่างถาวร” และหันไปมองภูมิภาคอื่น เช่น ตะวันออกกลางแทน

“ขณะนี้ผู้ส่งออกกำลังพยายามเอาตัวรอด จากวิกฤติในปัจจุบัน ธุรกิจต่างๆ กำลังหาทางสร้างรายได้เงินสด เช่น การขายสินค้าคงคลังในราคาที่สูงขึ้น และการยกเลิกสัญญาเช่าคลังสินค้าในสหรัฐ” หวัง ซิน ประธานสมาคมอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนแห่งเซินเจิ้น ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ส่งออกประมาณ 3,000 รายกล่าว

หนึ่งในผู้ส่งออกเหล่านั้นคือ ผู้ค้าปลีกจากนครกว่างโจว ซึ่งจำหน่ายชุดชั้นใน และกางเกงโยคะผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Amazon, Temu และ Sheinโดยเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา บริษัทได้ตัดสินใจหยุดส่งสินค้าไปยังสหรัฐทั้งหมด และปรับขึ้นราคาสินค้ายอดนิยมบางรายการมากถึง 30% เพื่อสร้างรายได้เงินสดเพิ่มเติม

“เราประชุมฉุกเฉินหลายครั้งในช่วงปลายเดือนมีนาคม เพื่อหารือเกี่ยวกับก้าวต่อไปของเรา ข้อสรุปก็คือ เราจะเลิกพยายามสู้ในตลาดสหรัฐแล้ว” หวง หลุน ผู้จัดการฝ่ายขายระบุ 

ลำบากทั้งคู่

สถานการณ์ยากลำบากของผู้ส่งออกจีนเช่นนี้ อาจส่งผลให้ผู้บริโภคในสหรัฐต้องเผชิญกับราคาสินค้าที่สูงขึ้น และการขาดแคลนสินค้าสำคัญในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า แนวโน้มที่เลวร้ายเช่นนี้ยิ่งทำให้นักเศรษฐศาสตร์เชื่อมั่นมากขึ้นว่า สหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหากทำเนียบขาวไม่ยอมถอยจากนโยบายขึ้นภาษีที่ขู่ว่าจะนำมาใช้

จีนเองก็เผชิญกับความเจ็บปวดทางเศรษฐกิจเช่นกัน เมื่อตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดหยุดชะงัก โรงงานจำนวนมากจึงลดการผลิตลงเหลือเพียงสามถึงสี่วันต่อสัปดาห์

อีกหนึ่งสัญญาณความตึงเครียด จาง เสี่ยวกัง โฆษกกระทรวงกลาโหมจีนแถลงในวันพฤหัสบดีว่า อคติของคนบางคนในสหรัฐอาจบดบังการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกองทัพจีนกับกองทัพสหรัฐ รัฐบาลวอชิงตันไม่ควร “หวาดระแวง” กับสิ่งที่เรียกว่าภัยคุกคามจากกองทัพจีน

ก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมงปัน กงเจิ้ง ผู้ว่าการธนาคารประชาชนจีน กล่าวในการประชุมกลุ่มประเทศจี 20 ที่กรุงวอชิงตัน เมื่อวันพุธ (23 เม.ย.68) ตามเวลาท้องถิ่น เตือนว่า ความแตกแยกที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเสี่ยงทำลายความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจโลก

"ทุกฝ่ายควรเสริมสร้างความร่วมมือให้แข็งแกร่ง พยายามป้องกันระบบเศรษฐกิจโลก ไม่ให้ตกเข้าสู่สภาพ “แตกแยกสูง เชื่อมั่นต่ำ” ปันกล่าว

ปันเป็นหนึ่งในคณะผู้แทนระดับสูงของจีน เข้าร่วมการประชุมกองทุนการเงินระหว่างประเทศ และธนาคารโลกที่กรุงวอชิงตันในสัปดาห์นี้ และยังได้หารือกับสหรัฐ สหภาพยุโรป และสมาชิกจี 20 ด้วย

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์