อินเดียลดระดับความสัมพันธ์ปากีสถาน หลังเหตุโจมตีแคชเมียร์

อินเดียประกาศหลากหลายมาตรการลดระดับความสัมพันธ์กับปากีสถาน หนึ่งวันหลังเกิดเหตุคนร้ายปลิดชีพชาย 26 คน ณ แหล่งท่องเที่ยวดังในแคชเมียร์เมื่อวันอังคาร
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ประกาศเมื่อวันพุธ (23 เม.ย.) ว่า รัฐบาลนิวเดลีจะระงับสนธิสัญญาแม่น้ำสินธุปี 1960 ทันที “จนกว่าปากีสถานจะประกาศยุติการสนับสนุนการก่อการร้ายข้ามพรมแดนอย่างน่าเชื่อถือและไม่อาจเพิกถอนได้”
สนธิสัญญาฉบับนี้ที่ธนาคารโลกเป็นคนไกล่เกลี่ย แบ่งแม่น้ำสินธุและแม่น้ำสาขาออกเป็นสองส่วนระหว่างอินเดียกับปากีสถานและควบคุมการแบ่งปันน้ำ สนธิสัญญายังคงใช้อยู่จนถึงทุกวันนี้แม้ในช่วงที่มีสงครามระหว่างกัน
ปากีสถานต้องพึ่งพาน้ำในแม่น้ำสินธุที่ไหลจากแคชเมียร์ของอินเดียเป็นอย่างมาก เพื่อนำมาใช้ในเขื่อนและระบบชลประทาน การระงับสนธิสัญญาเท่ากับว่าอินเดียไม่ต้องแบ่งปันน้ำให้ปากีสถาน
นอกจากนี้อินเดียยังปิดพรมแดนเปิดทางบกเพียงช่องทางเดียวที่ใช้ข้ามไปมาระหว่างกัน โดยประกาศให้ผู้ที่เข้ามาอินเดียสามารถกลับไปได้ทางช่องทางเดิมก่อนวันที่ 1 พ.ค. เนื่องจากสองประเทศไม่มีเที่ยวบินตรงไปมาหาสู่กันอยู่แล้ว ความเคลื่อนไหวนี้จึงตัดการคมนาคมทั้งหมด
ในวันเดียวกันนั้น นายวิกรม มิสรี ปลัดกระทรวงการต่างประเทศอินเดียแถลงว่า เหตุคนร้ายข้ามพรมแดนเข้ามาก่อเหตุในแคชเมียร์ได้รับการเน้นย้ำในการประชุมคณะรัฐมนตรีความมั่นคงนัดพิเศษ ทำให้ต้องมีการกระทำต่อปากีสถาน
พลเมืองปากีสถานไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าอินเดียภายใต้วีซ่าพิเศษเอเชียใต้ วีซาทุกอย่างที่มีอยู่ถูกยกเลิกทั้งหมด ชาวอินเดียและปากีสถานที่ใช้วีซ่าดังกล่าวต้องกลับประเทศภายใน 48 ชั่วโมง
ที่ปรึกษาฝ่ายทหารทุกคนในคณะผู้แทนปากีสถานประจำนิวเดลีถือเป็นบุคคลไม่พึงปรารถนาทางการทูตต้องออกนอกประเทศภายในหนึ่งสัปดาห์อินเดียจะถอนที่ปรึกษาฝ่ายป้องกันประเทศของตนเองออกจากปากีสถานด้วยเช่นกัน และลดจำนวนตัวแทนในอิสลามาบัดลงจาก 55 คนเหลือ 30 คน
"คณะรัฐมนตรีความมั่นคงทบทวนสถานการณ์ด้านความมั่นคงโดยรวม และสั่งการให้ทุกกองกำลังเฝ้าระวังอย่างสูง ครม.ความมั่นคงตัดสินใจว่าผู้ก่อเหตุจะต้องถูกดำเนินคดีและผู้สนับสนุนจะต้องรับผิดชอบอินเดียจะไม่ลดละความพยายามในการไล่ล่าผู้ก่อเหตุก่อการร้ายหรือสมคบคิดเพื่อให้การก่อการร้ายเกิดขึ้น” นายมิสรีกล่าว
สำนักงานต่างประเทศของปากีสถานยังไม่มีปฏิกริยาต่อคำประกาศของอินเดีย
นายอิชัก ดาร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศปากีสถานโพสต์ X ว่า นายกรัฐมนตรีเชห์บัซ ชาริฟ ของปากีสถาน เรียกประชุมคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติเมื่อเช้าตรู่วันนี้ (24 เม.ย.) เพื่อรับมือมาตรการจากรัฐบาลอินเดีย
มาตรการของอินเดียเกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากเกิดเหตุโจมตีในหุบเขาไพสรัน เขตพาฮาลกัม ในจัมมูและแคชเมียร์ พื้นที่แถบหิมาลัยที่เป็นเขตปกครองของรัฐบาลกลาง ชนวนสำคัญที่ทำให้อินเดียและปากีสถานเป็นปรปักษ์กันมานานหลายปี เคยทำสงคราม เกิดเหตุไม่สงบ และเผชิญหน้าทางการทูตกันหลายครั้ง
การกราดยิงล่าสุดเมื่อวันอังคาร (22 เม.ย.) ชาวอินเดียเสียชีวิต 25 คน ชาวเนปาล 1 คน บาดเจ็บอีกอย่างน้อย 17 คน ถือเป็นการโจมตีพลเรือนในอินเดียครั้งเลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่การกราดยิงในมุมไบเมื่อปี 2008 และทำลายบรรยากาศที่ค่อนข้างสงบในแคชเมียร์ จนการท่องเที่ยวได้รับความนิยมมากหลังกองกำลังติดอาวุธต่อต้านอินเดียเบาบางลงในช่วงไม่กี่ปีหลัง
กลุ่มติดอาวุธที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักใช้ชื่อว่า “กลุ่มต่อต้านแคชเมียร์” อ้างผ่านโซเชียลมีเดียว่า เป็นคนลงมือเพราะไม่เห็นด้วยที่ “คนนอก” กว่า 85,000 คนเข้ามาตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ ทำให้ “เกิดการเปลี่ยนแปลงประชากร”
หน่วยงานความมั่นคงอินเดียกล่าวว่า กลุ่มต่อต้านแคชเมียร์ หรือที่รู้จักกันในชื่อแนวหน้าการต่อต้าน เป็นแนวหน้าของกลุ่มติดอาวุธที่มีฐานปฏิบัติการในปากีสถาน เช่นลาชการ์-เอ-ไทบา และฮิซบุล มูจาฮิดีน
ปากีสถานปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าตนสนับสนุนความรุนแรงของกลุ่มติดอาวุธในแคชเมียร์ และว่าตนให้เฉพาะกำลังใจ และการสนับสนุนทางการเมืองการทูตเท่านั้น
นายชาฟกัต อาลี ข่าน โฆษกกระทรวงต่างประเทศปากีสถาน ออกแถลงการณ์ในวันพุธ
“เรารู้สึกกังวลกับการสูญเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวเราขอแสดงความเสียใจต่อผู้ใกล้ชิดกับผู้เสียชีวิต และขอให้ผู้ได้รับบาดเจ็บฟื้นตัวโดยเร็ว”