'Intel' จ่อเลย์ออฟทั่วโลกครั้งใหญ่ 20% ลดคนกว่า 21,000 ตำแหน่ง

'Intel' จ่อเลย์ออฟทั่วโลกครั้งใหญ่ 20% ลดคนกว่า 21,000 ตำแหน่ง

'อินเทล' จ่อเลิกจ้างครั้งใหญ่กว่า 21,000 ตำแหน่งทั่วโลก หลังเลย์ออฟไป 15,000 คนปีที่แล้ว หวังพลิกฟื้นบริษัทให้กลับมาเป็น 'องค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยวิศวกรรม'

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานวันนี้ (23 เม.ย.) ว่า บริษัท "อินเทล" (Intel Corp.) อดีตผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ที่สุดในสหรัฐ เตรียมประกาศการเลิกจ้าง ครั้งใหญ่มากกว่า 21,000 ตำแหน่ง หรือประมาณ 20% ในสัปดาห์นี้ เพื่อยกเครื่องระบบการทำงานในบริษัทซึ่งกำลังประสบปัญหา

ข่าวนี้มีขึ้นก่อนที่อินเทลจะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ในวันที่ 24 เม.ย. นี้ นำโดยซีอีโอคนใหม่ "ลิป บู ตัน" ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งมาแทน แพท เกลซิงเกอร์ อดีตซีอีโอที่อยู่กับอินเทลมาอย่างยาวนาน โดยภายใต้แผนการเลิกจ้างดังกล่าว ลิป บู ตัน มีเป้าหมายที่จะ "ปรับปรุงการบริหารจัดการและสร้างวัฒนธรรมที่ขับเคลื่อนด้วยวิศวกรรมขึ้นมาใหม่"

ปัจจุบัน อินเทลบริษัทมีพนักงานประมาณ 108,900 คน ณ สิ้นปี 2567 โดยบริษัทเพิ่งประกาศเลิกจ้างครั้งใหญ่ไปก่อนหน้านี้ 15,000 คน เมื่อเดือนสิงหาคม 2567

อย่างไรก็ดี อินเทลยังไม่ได้แสดงความเห็นต่อรายงานข่าวนี้แต่อย่างใด 
 

เลย์ออฟ-ยกเครื่องใหญ่ กู้ศรัทธาอดีตเบอร์ 1 

รายงานระบุว่า ซีอีโอใหม่ตั้งเป้าที่จะพลิกฟื้นบริษัทหลังจากที่ถูกคู่แข่งแซงหน้าไปในช่วงหลายปีมานี้ ทำให้อินเทลซึ่งเคยเป็นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์บอร์ 1 ของสหรัฐ ต้องสูญเสียความเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีและต้องพยายาม "ไล่ตาม" คู่แข่งอย่าง "อินวิเดีย" (Nvidia Corp.) ให้ทันในด้านเทคโนโลยีการประมวลผลปัญญาประดิษฐ์ (AI) หลังจากอินเทลเผชิญภาวะยอดขายที่ลดลง 3 ปีติดต่อกัน ผลประกอบการติดลบหนักขึ้น และราคาหุ้นร่วงลงหนักถึงราว 67% ตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

ตันซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงของ Cadence Design Systems Inc. และเข้ามารับตำแหน่งซีอีโอเมื่อปลายปี 2567 ได้ให้คำมั่นว่าจะแยกสินทรัพย์ของอินเทลที่ไม่ได้เป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจหลักออกไป และสร้างผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจยิ่งขึ้น เมื่อสัปดาห์ที่แล้วบริษัทได้ตกลงที่จะขายหุ้น 51% ในบริษัท Altera ให้กับ Silver Lake Management ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว

ซีอีโอใหม่กล่าวในการประชุม Intel Vision เมื่อเดือนที่แล้วว่า บริษัทจำเป็นต้องแทนที่บุคลากรด้านวิศวกรรมที่สูญเสียไป ปรับปรุงงบดุล และปรับปรุงกระบวนการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าที่มีศักยภาพมากขึ้น