มัสก์ ‘ลดบทบาท’ ในรัฐบาลทรัมป์ หันมาโฟกัส Tesla แทน

มัสก์ ‘ลดบทบาท’ ในรัฐบาลทรัมป์ หันมาโฟกัส Tesla แทน

‘อีลอน มัสก์’ ประกาศลดบทบาทตัวเองในรัฐบาลสหรัฐ เพื่อมุ่งเน้นที่ธุรกิจ ‘เทสลา’ หลังจากTesla เผชิญยอดขายตกต่ำ ต้นทุนเพิ่มขึ้นจากสงครามการค้า และการประท้วงมัสก์ที่เกิดขึ้นทั่วสหรัฐ

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า “อีลอน มัสก์” ให้คำมั่นจะ “ลดบทบาทตัวเองลงอย่างมาก” ในรัฐบาลสหรัฐ เพื่อมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า “เทสลา” แทน ซึ่งช่วยคลายความกังวลของนักลงทุนที่มองว่าการทำงานของเขาในกรุงวอชิงตันเป็นสิ่งรบกวนสมาธิ

นอกจากนี้ มัสก์เผยว่า หน้าที่ของเขาในตำแหน่งหัวหน้ากระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล หรือ DOGE กำลังจะเสร็จสิ้นลงในไม่ช้า

ที่ผ่านมา Tesla เผชิญกับยอดขายตกต่ำ และต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นจากสงครามการค้าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เป็นผู้เริ่มต้น อีกทั้งเกิดการประท้วงรถ Tesla ทั่วสหรัฐ เนื่องจากประชาชนไม่พอใจบทบาทของมัสก์ในรัฐบาล

หลังการประกาศของมัสก์เรื่องลดบทบาทใน DOGE หุ้นของเทสลาก็พุ่งขึ้น 5.1% เมื่อเวลา 19:43 น. ตามเวลานิวยอร์กในการซื้อขายนอกเวลาตลาด 

จีน มันสเตอร์ หุ้นส่วนผู้จัดการของบริษัท Deepwater Asset Management กล่าวว่า การที่มัสก์ยุติบทบาทในกระทรวง DOGE เป็นเรื่องของ “คณิตศาสตร์ง่ายๆ” ท่ามกลางความต้องการรถยนต์ที่ลดลง

“สิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยฟื้นฟูภาพลักษณ์ของแบรนด์ คือ เขาต้องถอยออกจาก DOGE” มันสเตอร์ กล่าว

ด้านไบรอัน มัลเบอรี ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอลูกค้าของ Zacks กล่าวว่า “แน่นอนว่าเป็นข่าวที่น่ายินดีที่ได้ยินว่าอีลอนจะกลับมาทำหน้าที่ซีอีโอของบริษัทต่างๆ ของเขาในเร็วๆ นี้”

มัสก์เคยกล่าวในการประชุมว่า เขาผลักดันให้ลดภาษีศุลกากร ซึ่งเน้นย้ำถึงความแตกต่างระหว่างเขากับทรัมป์ในเรื่องนี้ โดยการที่ทรัมป์เพิ่มภาษีต่อสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ได้ทำให้นักลงทุนตกใจ และสร้างความกังวลถึงราคาสินค้าที่สูงขึ้นสำหรับผู้บริโภคในสหรัฐ

มัสก์ กล่าวว่า จะทำงานร่วมกับการบริหารของทรัมป์ต่อไป จนกว่าจะสิ้นสุดวาระของประธานาธิบดี แต่จะเป็นในลักษณะที่จำกัดมากขึ้น โดยเขาจะถึงขีดจำกัด 130 วันที่กำหนดไว้สำหรับบทบาทของเขา ในฐานะพนักงานพิเศษของรัฐบาล

สำหรับภาษีการค้าของทรัมป์ได้เพิ่มความท้าทายให้กับเทสลา และอาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก พร้อมทั้งเพิ่มต้นทุนในอุตสาหกรรมนี้ โดยแม้ว่าเทสลาคาดว่า จะได้รับผลกระทบน้อยกว่าผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆ เนื่องจากมีโรงงานขนาดใหญ่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และเท็กซัส แต่ยานยนต์ของบริษัทก็ยังคงมีส่วนประกอบบางอย่างที่มาจากนอกสหรัฐ และบริษัทก็เตือนถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

เบน คัลโล นักวิเคราะห์วิจัยอาวุโสจาก Baird กล่าวว่า การพูดถึงภาษีศุลกากร เป็นวิธีที่บริษัทใช้เพื่อแจ้งให้ผู้กำหนดนโยบายทราบถึงความเสียหายที่ภาษีเหล่านั้นก่อให้เกิดขึ้น

“นี่เป็นการส่งข้อความว่า ภาษีศุลกากรกำลังส่งผลกระทบต่ออีลอน โดยที่เขาไม่ต้องพูดออกมาว่าเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลสหรัฐ” คัลโล กล่าว “เขากำลังเดินบนเส้นด้าย ขณะที่ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลใน DOGE”

สำหรับ Tesla รายงานผลประกอบการ “ไตรมาสแรก” เมื่อวันอังคาร (22 เม.ย.68) ที่ผ่านมา พลาดเป้าทั้งรายได้รวม และกำไรสุทธิ โดยรายได้จากธุรกิจรถยนต์ “ลดลงถึง 20%” เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ต่อไปนี้คือ ตัวเลขสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับประมาณการของ LSEG:

กำไรต่อหุ้น: 27 เซนต์ (ปรับปรุงแล้ว) เทียบกับที่คาดไว้ 39 เซนต์

รายได้รวม: 19,340 ล้านดอลลาร์ เทียบกับที่คาดไว้ 21,110 ล้านดอลลาร์

รายได้จากธุรกิจรถยนต์ลดลง 20% เหลือ 14,000 ล้านดอลลาร์ จาก 17,400 ล้านดอลลาร์ ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ส่วนกำไรสุทธิของบริษัทลดลงอย่างมากถึง 71% เหลือเพียง 409 ล้านดอลลาร์ หรือ 12 เซนต์ต่อหุ้น จากเดิม 1,390 ล้านดอลลาร์ หรือ 41 เซนต์ต่อหุ้นในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
 

 

อ้างอิง: bloomberg

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์