ภาษาสถาปัตย์ พาวิลเลียนเล่าขานอนาคต จากงาน World Expo 2025

พาชมงาน World Expo 2025 Osaka รวม 'พาวิลเลียน' น่าสนใจจากทั่วโลก ที่แสดงวิสัยทัศน์ของอนาคตโดยสื่อสารผ่านงานสถาปัตยกรรมที่หลากหลาย
งาน Expo 2025 Osaka ไม่ได้เป็นเพียงแค่งานเวิลด์แฟร์ตามแบบฉบับดั้งเดิม หากแต่เป็นเวทีระดับโลกที่รวมเอาวิสัยทัศน์ของอนาคตมาสื่อสารผ่านสถาปัตยกรรมที่หลากหลายจากนานาประเทศอย่างสร้างสรรค์และลุ่มลึก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่รักในงานออกแบบและสถาปัตยกรรม งานนี้เปรียบเสมือนคลังแรงบันดาลใจที่ให้เราได้เห็นว่าโลกจะขับเคลื่อนไปอย่างไรในอนาคต
หัวใจการออกแบบสำคัญของ Expo ครั้งนี้ คือ “Grand Ring” วงแหวนไม้ขนาดยักษ์ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 675 เมตร ครอบคลุมพื้นที่กว่า 60,000 ตารางเมตร ออกแบบโดยสถาปนิกญี่ปุ่น คุณ Sou Fujimoto เป็นสัญลักษณ์แห่ง “Unity in Diversity” หรือ “ความหลากหลายที่รวมเป็นหนึ่ง” สะท้อนถึงความร่วมมือของโลกในช่วงเวลาที่ยากลำบาก วัสดุหลักคือไม้ฮิโนกิและซูกิจากญี่ปุ่น ผสานด้วยเทคนิคการเข้าไม้แบบดั้งเดิม สร้างความอบอุ่นและเชื้อเชิญให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสถึงสายสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ
นอกจาก Grand Ring แล้ว สิ่งที่ทำให้ Expo ครั้งนี้มีความพิเศษคือ "พาวิลเลียน" จากประเทศต่าง ๆ ที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อบอกเล่าเรื่องราว อัตลักษณ์ และความใฝ่ฝันของแต่ละชาติผ่านภาษาแห่งสถาปัตยกรรม ไม่ใช่แค่โชว์นวัตกรรม แต่คือบทสนทนาเปิดระหว่างผู้คน วัฒนธรรม และอนาคต
“ฝรั่งเศส” รังสรรค์พาวิลเลียนที่มีชื่อว่า “Theatrum Naturae” หรือ “โรงละครแห่งธรรมชาติ” ซึ่งถ่ายทอดแนวคิดของนิทรรศการภายใต้สามคำหลัก ได้แก่ Save Lives, Inspire Lives และ Connect Lives ผ่านตัวอาคารที่ออกแบบเป็นเส้นทางวนรูปวงแหวน แบ่งออกเป็นสามช่วงของการเดินทาง เริ่มจากการไต่ระดับขึ้นสู่จุดชมวิว การสำรวจธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง และการกลับคืนสู่พื้นดินอย่างสงบเสงี่ยม ส่งสารถึงการอยู่ร่วมกันของชีวิตหลากหลายรูปแบบในเมืองแห่งอนาคต
“กาตาร์” ก็ไม่เบา กับพาวิลเลียนที่ออกแบบโดย Kengo Kuma & Associates ร่วมกับ Qatar Museums ซึ่งเต็มไปด้วยอารมณ์โรแมนติกของท้องทะเล ผสมผสานวัฒนธรรมระหว่างตะวันออกกลางกับตะวันออกไกลได้อย่างแยบยล โดยมีแรงบันดาลใจจากเรือ Dhow แบบดั้งเดิมของกาตาร์ซึ่งสื่อถึงการค้าทางทะเล
โครงสร้างไม้โปร่งห่อด้วยผ้าขาวทำให้ดูเหมือนใบเรือที่กำลังโบกสะบัดริมอ่าวยูเมะชิมะ ภายในจัดแสดงนวัตกรรมทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยีสะอาด และแผนพัฒนาที่ยั่งยืนของกาตาร์ ซึ่งทั้งหมดแสดงออกถึงความตั้งใจของชาติเล็ก ๆ ที่กำลังเคลื่อนตัวอย่างมั่นคงในเวทีโลก
ข้ามมาทางยุโรปตอนใต้ พาวิลเลียนจาก “โปรตุเกส” ก็สร้างความประทับใจได้ไม่แพ้กัน ภายใต้ธีม “Ocean, The Blue Dialogue” โครงสร้างหลักใช้เชือกรีไซเคิลกว่า 9,000 เส้น ประกอบขึ้นเป็นทรงโค้งคล้ายคลื่นทะเลที่กำลังพัดผ่าน
สถาปัตยกรรมนี้จึงไม่เพียงสวยงามแต่ยังเป็นงานศิลปะที่สะท้อนถึงความร่วมมือระหว่างโปรตุเกสกับญี่ปุ่นซึ่งมีมายาวนานกว่า 500 ปี นิทรรศการภายในนำเสนอทั้งประวัติศาสตร์การสำรวจมหาสมุทรของโปรตุเกสและบทบาทปัจจุบันในการอนุรักษ์ทะเล โดยใช้วัสดุกว่า 75% ที่สามารถรีไซเคิลหรือใช้ซ้ำได้
ฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “มาเลเซีย” นำเสนอพาวิลเลียนที่ได้แรงบันดาลใจจากผ้าทอซองเก็ต (Songket) โดยใช้ไม้ไผ่และวัสดุธรรมชาติร่วมกับระบบพลังงานแสงอาทิตย์ สะท้อนแนวคิด“วัฒนธรรม-นวัตกรรม-ความยั่งยืน”ได้อย่างครบถ้วน
ไฮไลต์อยู่ที่ “ต้นไม้แห่งความกลมเกลียว” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเติบโตและความสามัคคีในสังคมมาเลย์ พร้อมจัดกิจกรรมเสวนา นิทรรศการ และเสิร์ฟอาหารท้องถิ่นอย่างนาซิเลอมักที่กลายเป็นจุดนัดพบของผู้คนจากหลายเชื้อชาติ
บางพาวิลเลียนก็เลือกที่จะเป็น “ตัวแทนแห่งการเปลี่ยนผ่าน” อย่างของ “อุซเบกิสถาน” เน้นถ่ายทอดแนวคิดเรื่องการผสานมรดกทางวัฒนธรรมกับอนาคต ภายใต้คอนเซปต์ “Garden of Knowledge” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากคาราวานศาลาริมเส้นทางสายไหม
ไฮไลท์ของนิทรรศการ คือ การจัดแสดงผลงานหัตถศิลป์ร่วมสมัย เช่น เซรามิกสีเทอร์ควอยซ์ งานปัก Suzani และเฟอร์นิเจอร์จากช่างฝีมือพื้นถิ่น ซึ่งเชื่อมโยงศิลปะของอุซเบกิสถานกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นได้อย่างลึกซึ้ง
ทั้งหมดนี้ทำให้ Expo 2025 Osaka เป็นมากกว่าเวทีแสดงนวัตกรรม แต่มันคือบทกวีแห่งการออกแบบ ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของโลกในหลากหลายแง่มุม ผ่านภาษาอันทรงพลังของสถาปัตยกรรมทุกพาวิลเลียนคือเรื่องเล่า ที่เมื่อมองไปรอบทิศแล้ว เราจะได้เห็นภาพของโลกที่เปิดใจ เชื่อมโยง และมุ่งหน้าไปข้างหน้าร่วมกัน