สหรัฐขึ้นภาษีแผงโซลาร์เซลล์จากไทย 375 % ร่วมกับชาติอาเซียนอื่น

สหรัฐขึ้นภาษีแผงโซลาร์เซลล์จากไทย 375 %  ร่วมกับชาติอาเซียนอื่น

สหรัฐประกาศขึ้นภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์จากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใหม่ ไทย เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย โดนกันถ้วนหน้า กัมพูชาหนักสุด 3,521%

บลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (22 เม.ย.68)ว่า สหรัฐประกาศขึ้นภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์พลังงานแสงอาทิตย์จากประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 4 ประเทศ ซึ่งร่วมกันส่งออกแผงโซลาร์เซลล์ไปยังสหรัฐเป็นส่วนใหญ่

การตัดสินใจดังกล่าวเป็นผลจากการสืบสวนการค้าที่กินเวลานาน 1 ปี ซึ่งพบว่าผู้ผลิตอุปกรณ์ผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับประโยชน์จากการอุดหนุนของรัฐบาลอย่างไม่เป็นธรรม และกำลังขายสินค้าส่งออกของตนไปยังสหรัฐ ในอัตราที่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิต การสืบสวนนี้ดำเนินการโดยผู้ผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ในประเทศ และเริ่มต้นภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน

การขึ้นภาษีใหม่นี้ครั้งนี้เป็นภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด และการอุดหนุนสำหรับสินค้าโซลาร์เซลล์ และแผงโซลาร์เซลล์จาก 4 ประเทศอาเซียน 

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ระบุว่า อัตราภาษีถูกกำหนดให้สูงถึง 3,521% สำหรับกัมพูชา ซึ่งสะท้อนถึงการตัดสินใจของประเทศที่จะหยุดให้ความร่วมมือกับการสอบสวน

บริษัทที่ไม่ได้ระบุชื่อในเวียดนามต้องเสียภาษีศุลกากรสูงถึง 395.9% โดยไทยกำหนดไว้ที่ 375.2% ส่วนภาษีสำหรับมาเลเซียกำหนดไว้ที่ 34.4% บริษัท Jinko Solar ถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากเวียดนามประมาณ 245% และจากมาเลเซีย 40% บริษัท Trina Solar ในประเทศไทยถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 375% และจากเวียดนามมากกว่า 200% ส่วนโมดูล JA Solar จากเวียดนามอาจถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าประมาณ 120%

 

ราคาหุ้นของบริษัท First Solar Inc ซึ่งมีฐานอยู่ในสหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.6% หลังจากเวลาทำการปกติของตลาด

แม้ว่าภาษีสำหรับเซลล์แสงอาทิตย์ และแผงโซลาร์เซลล์ที่ผลิตในกัมพูชา มาเลเซีย ไทย และเวียดนามจะถือเป็นชัยชนะที่ชัดเจนสำหรับผู้ผลิตในสหรัฐ แต่ภาษีเหล่านี้ก็เสี่ยงที่จะเพิ่มต้นทุนการพัฒนาสำหรับภาคส่วนพลังงานหมุนเวียนซึ่งเผชิญกับอุปสรรคด้านนโยบาย และเศรษฐกิจอยู่แล้ว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพยายามส่งเสริมเชื้อเพลิงฟอสซิล และได้ดำเนินการลดการสนับสนุนโครงการสีเขียวลง

  • ภาษีทุ่มตลาดเพิ่มจากภาษีตอบโต้ของทรัมป์

ภาษีโซลาร์เซลล์ใหม่นี้จะเป็นส่วนเพิ่มเติมจากภาษีตอบโต้ใหม่ที่บังคับใช้โดยทรัมป์ ซึ่งทำให้ห่วงโซ่อุปทาน และตลาดทั่วโลกปั่นป่วน ภาษีต่อต้านการทุ่มตลาด และภาษีตอบโต้ซึ่งเป็นที่รู้จักนั้นได้รับการออกแบบมาเพื่อชดเชยมูลค่าของการอุดหนุน และการกำหนดราคาที่ไม่เป็นธรรมตามที่กระทรวงพาณิชย์คำนวณไว้

สหรัฐนำเข้าอุปกรณ์โซลาร์เซลล์มูลค่า 12,900 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้วจาก 4 ประเทศที่ต้องเสียภาษีใหม่นี้ ตามรายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ซึ่งคิดเป็นประมาณ 77% ของการนำเข้าโมดูลทั้งหมด

ภาษีดังกล่าวขึ้นอยู่กับการดำเนินการแยกกันต่างหากของคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ ซึ่งจะมีการตัดสินใจในอีกประมาณหนึ่งเดือนว่าผู้ผลิตในสหรัฐได้รับอันตรายหรือถูกคุกคามจากการนำเข้าหรือไม่

หลังจากที่มีการกำหนดภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์พลังงานแสงอาทิตย์จากจีนเมื่อประมาณ 12 ปีที่แล้ว ผู้ผลิตในจีนก็ตอบโต้ด้วยการไปตั้งฐานการผลิตในประเทศอื่นๆ ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาษีดังกล่าว สหรัฐได้เริ่มดำเนินการสอบสวน ซึ่งเกิดจากคำร้องเรียนเมื่อเดือนเมษายนของกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ American Alliance for Solar Manufacturing Trade Committee ซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัทต่างๆ รวมถึง First Solar, Hanwha Qcells USA Inc และ Mission Solar Energy LLC

การตัดสินใจของกระทรวงฯ ถือเป็นชัยชนะของภาคการผลิตในประเทศ ซึ่งทั้งทรัมป์ และไบเดนต่างก็พยายามผลักดันให้เกิดขึ้น โดยบริษัทที่อาจจะได้รับประโยชน์ ได้แก่ Hanwha Q Cells และ First Solar Inc เป็นต้น

“นี่คือชัยชนะที่เด็ดขาดของภาคการผลิตของอเมริกา” ทิม ไบรท์บิลล์ รองประธานฝ่ายการค้าระหว่างประเทศของไวลีย์ และที่ปรึกษานำของกลุ่มพันธมิตรบริษัทพลังงานแสงอาทิตย์ที่ดำเนินคดีนี้กล่าว

 

ผลการค้นพบดังกล่าวได้ยืนยัน “สิ่งที่เรารู้มานานแล้วว่าบริษัทพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีสำนักงานใหญ่ในจีนได้โกงระบบ ตัดราคาบริษัทของสหรัฐ และทำให้คนงานชาวอเมริกันต้องสูญเสียรายได้” เขากล่าว

 

 

 


พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์