จีนขู่ 'จะตอบโต้ทุกประเทศ' ที่ร่วมมือกับสหรัฐกดดันจีน

จีนขู่ 'จะตอบโต้ทุกประเทศ' ที่ร่วมมือกับสหรัฐกดดันจีน

จีนขู่ 'จะตอบโต้' ประเทศที่ร่วมมือกับสหรัฐกดดันจีน หลังสหรัฐใช้ไพ่ในมือเรื่องภาษีศุลกากรกดดันให้หลายประเทศลดการติดต่อกับจีนลง

กระทรวงพาณิชย์ของจีนออกแถลงการณ์ในวันนี้ (21 เม.ย.68) เตือนว่า "จีนจะตอบโต้ทุกประเทศที่ร่วมมือกับสหรัฐ ในลักษณะที่กระทบต่อผลประโยชน์ของจีน" ในขณะที่สงครามการค้าระหว่างสองเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกกำลังคุกคามประเทศอื่นๆ ด้วย

ซีเอ็นบีซี รายงานว่า จีนเตือนเรื่องนี้ในขณะที่รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ กำลังวางแผนที่จะใช้การเจรจาภาษีศุลกากรเพื่อกดดันบรรดาประเทศพันธมิตรของสหรัฐให้จำกัดการติดต่อกับจีน โดยในเดือนนี้ทรัมป์ได้ประกาศระงับการขึ้นภาษีศุลกากรครั้งใหญ่กับประเทศอื่นๆ เป็นเวลา 90 วัน แต่ยังคงเดินหน้าขึ้นภาษีสินค้าจากจีนอีกรวมเป็น 145%

“จีนขอคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อฝ่ายใดก็ตามที่บรรลุข้อตกลงโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของจีน หากสิ่งนี้เกิดขึ้น จีนจะไม่ยอมรับ และจะใช้มาตรการตอบโต้อย่างเด็ดขาด” แถลงการณ์ของกระทรวงพาณิชย์จีนระบุ 

แถลงการณ์ยังเตือนถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับทุกประเทศด้วย เมื่อการค้าระหว่างประเทศกลับเข้าสู่ “กฎแห่งป่า” (law of the jungle)

กระทรวงพาณิชย์จีนยังพยายามแสดงให้เห็นว่า จีนเต็มใจที่จะทำงานร่วมกับทุกฝ่าย และ "ปกป้องความยุติธรรม และความเป็นธรรมในระดับนานาชาติ" พร้อมทั้งอธิบายถึงการกระทำของสหรัฐว่าเป็น "การใช้ภาษีศุลกากรในทางที่ผิด" และเป็น "การกลั่นแกล้งฝ่ายเดียว"

สหรัฐกดดันโลก 'โดดเดี่ยวจีน'

ด้านสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ว่า รัฐบาลทรัมป์กำลังเตรียมกดดันประเทศต่างๆ ที่ต้องการเจรจาลดหรือยกเว้นภาษีจากสหรัฐ ให้จำกัดการค้ากับจีน ซึ่งรวมถึงการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรทางการเงิน

เมื่อต้นเดือนนี้ เจมีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) กล่าวว่า มีประเทศต่างๆ เกือบ 50 ประเทศติดต่อเขาเพื่อหารือเกี่ยวกับภาษีเพิ่มเติมที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำหนด

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มีการเจรจาทวิภาคีเกี่ยวกับภาษีหลายครั้ง โดยญี่ปุ่นกำลังพิจารณาเพิ่มการนำเข้าถั่วเหลือง และข้าวเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจากับสหรัฐ ขณะที่อินโดนีเซียกำลังวางแผนที่จะเพิ่มการนำเข้าอาหาร และสินค้าโภคภัณฑ์จากสหรัฐ และลดคำสั่งซื้อจากประเทศอื่นๆ

ในเดือนนี้ จีนได้ออกมาตรการตอบโต้ภาษีศุลกากรของสหรัฐหลายด้าน ด้วยการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐสูงถึง 125% นอกจากนี้ ปักกิ่งยังได้จำกัดการส่งออกแร่ที่สำคัญ และขึ้นบัญชีดำบริษัทสหรัฐหลายแห่ง 

นักวิเคราะห์หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า สหรัฐ และจีนจะยังไม่บรรลุข้อตกลงกันได้ในเร็วๆ นี้ แม้ว่าทรัมป์จะกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า เขาคาดว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ภายใน 3-4 สัปดาห์ข้างหน้าก็ตาม

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนได้เดินทางเยือน 3 ประเทศในอาเซียน คือ "เวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา" ซึ่งถือเป็นการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกของสีในปี 2568 ในรายงานการประชุมอย่างเป็นทางการของจีนกับผู้นำทั้งสามประเทศ สีเรียกร้องให้มีการร่วมมือกันเพื่อต่อต้านภาษีศุลกากร และ "การกลั่นแกล้งฝ่ายเดียว"

นับตั้งแต่ทรัมป์เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนตั้งแต่ช่วงดำรงตำแหน่งวาระแรกในยุคทรัมป์ 1.0 จีนก็ได้เพิ่มการค้ากับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งปัจจุบันเป็นพันธมิตรทางการค้ารายใหญ่ที่สุดของจีนในระดับภูมิภาค ในขณะที่สหรัฐยังคงเป็นพันธมิตรทางการค้ารายใหญ่ที่สุดของจีนในระดับระหว่างประเทศ

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงพาณิชย์ของจีนได้เปลี่ยนตัวผู้แทนเจรจาการค้าระหว่างประเทศเป็นนาย หลี่ เฉิงกัง ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ และเอกอัครราชทูตจีนประจำองค์การการค้าโลก (WTO) และจีนได้ยื่นฟ้องสหรัฐต่อ WTO กรณีการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าครั้งล่าสุดของทรัมป์

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์