ทรัมป์ลั่น ไม่อยากขึ้นภาษี ‘จีน’ อีกแล้ว พร้อมเปิดใจลดภาษี

ทรัมป์ลั่น ไม่อยากขึ้นภาษี ‘จีน’ อีกแล้ว พร้อมเปิดใจลดภาษี

ทรัมป์ลั่น ไม่เต็มใจขึ้นภาษี ‘จีน’ อีกต่อไป พร้อมเปิดใจลดภาษี หวั่นสัมพันธ์การค้าหยุดชะงัก มั่นใจตัวแทน ‘สี จิ้นผิง’ ติดต่อขอเจรจาหลายครั้ง

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ตอบคำถามนักข่าววานนี้ (17 เม.ย.) ว่าเขาลังเลที่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนต่อไป  และยังบอกเป็นนัยว่าอาจเปิดใจที่จะลดภาษีลงก็ได้ เนื่องจากอาจทำให้การค้าระหว่าง 2 ประเทศหยุดชะงัก 

"ถึงจุดหนึ่ง ผมไม่อยากให้ราคาสินค้ามันแพงขึ้นไปอีก เพราะถ้ามันแพงมากๆ คนก็จะไม่ซื้อของ ผมก็เลยอาจจะไม่อยากขึ้นภาษีไปสูงกว่านี้ หรืออาจจะไม่ขึ้นไปถึงระดับนั้นด้วยซ้ำ ผมอาจจะอยากลดภาษีลงด้วยซ้ำ เพราะอยากให้คนซื้อของ" ทรัมป์

มั่นใจตัวแทน ‘สี จิ้นผิง’ แน่นอน

นอกจากนี้ทรัมป์ยังยืนกรานว่า “จีน” ได้ติดต่อขอความช่วยเหลือจากหลายฝ่ายหลายครั้งเพื่อเจรจาข้อตกลง

ทรัมป์เผยว่าคนที่เขาเชื่อว่าเป็นตัวแทนของประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” พยายามจะเริ่มการเจรจา แต่เลี่ยงที่จะตอบตรงๆ ว่า ทรัมป์และสี จิ้นผิงได้คุยกันโดยตรงหรือไม่

ทรัมป์กล่าวว่า "ผมมีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับประธานาธิบดีสี และผมคิดว่าความสัมพันธ์นี้จะยังคงดีต่อไป ผมอยากจะบอกว่าพวกเขาติดต่อผมมาหลายครั้งแล้ว"

เมื่อถูกถามว่าคนที่ติดต่อมาคือสี จิ้นผิง เอง หรือเป็นเจ้าหน้าที่คนอื่นของจีน ทรัมป์ตอบว่า "ก็เหมือนกันนั่นแหละ ในความคิดของผมมันไม่ต่างกันมาก น่าจะเป็นคนระดับสูงที่สุดของจีน"

ทรัมป์กล่าวถึงสี จิ้นผิงต่อว่า "ถ้าคุณรู้จักเขา คุณจะรู้ว่าถ้าพวกเขาติดต่อมา เขารู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาควบคุมทุกอย่างอย่างเข้มงวด แข็งแกร่ง และฉลาดมาก"

‘สหรัฐ-จีน’  ส่งสัญญาณพร้อมเจรจา

ก่อนหน้านี้ สหรัฐและจีนได้ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าตอบโต้กันอย่างดุเดือดแบบที่ไม่มีใครยอมใคร ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีสินค้าจากจีนไปแล้ว 145% ในขณะที่จีนก็ตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐ  125%

อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าทั้งสหรัฐและจีนจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าของกันและกันในอัตราที่สูงมากจนน่าตกใจ แต่ทั้งสองฝ่ายก็ยังออกมาพูดถึง “ความเป็นไปได้” ที่จะเจรจากัน โดยทางทำเนียบขาวบอกว่าจีนควรเป็นฝ่ายเริ่มติดต่อมาก่อน ส่วนจีนบอกว่ายังไม่ค่อยเข้าใจว่าสหรัฐ ต้องการอะไรกันแน่

ทั้งนี้ทรัมป์แสดงความมั่นใจว่าอาจจะมีการทำข้อตกลงกันได้ ซึ่งอาจรวมถึงการผ่อนคลายเรื่องการค้า และข้อตกลงเกี่ยวกับการขายกิจการ แอปพลิเคชัน TikTok ในสหรัฐด้วย

อ้างอิง Bloomberg