นักท่องเที่ยวเข้าไทยมากหรือน้อย? 10.7 จากเป้า 39 ล้านคน | กันต์ เอี่ยมอินทรา

นักท่องเที่ยวเข้าไทยมากหรือน้อย? 10.7 จากเป้า 39 ล้านคน | กันต์ เอี่ยมอินทรา

ในปี 2567 มีนักท่องเที่ยวเข้าไทย 35.5 ล้านคน และมีรายได้จากการท่องเที่ยว 1.67 ล้านล้านบาท พลาดเป้าที่ตั้งไว้ที่ 1.9 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้ก็มีโอกาสจะพลาดเป้าอีกเพราะจนถึงปัจจุบันในปีนี้ที่เพิ่งจะได้ 10.7 ล้านคน จากที่ตั้งไว้ที่ 39 ล้านคน

คาดการณ์ว่าเม็ดเงินที่สะพัดในช่วงสงกรานต์จะมากกว่า 134,631 ล้านบาท

โดยตัวเลขนี้มาจากสองส่วนคือ หนึ่ง จากคนไทยที่ท่องเที่ยวพักผ่อนเยี่ยมญาติ โดยม.หอการค้าไทยเคยทำสำรวจและพบค่าเฉลี่ยการใช้จ่ายในช่วงนี้ของคนไทยอยู่ที่ 6,400 บาท ซึ่งก็ค่อนข้างสะท้อนกับความเป็นจริงที่คนไทยมักจะใช้จ่ายกันเพิ่มขึ้นนี้

และอีกส่วนคือเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในไทยในช่วงนี้ ซึ่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเข้าไทยกว่า 666,180 คน ดันให้ยอดนักท่องเที่ยวรวมเข้าไทยตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 10.7 ล้านคน และรายได้จากการท่องเที่ยวรวมตั้งแต่ต้นปีเป็น 510,000 ล้านบาท

ตัวเลขที่ดูเหมือนเยอะนี้ จริงๆ ไม่ได้มากเลยเพราะไทยเรามีวิสัยทัศน์ในการดึงนักท่องเที่ยวในปีนี้ถึง 39 ล้านคน และหวังเม็ดเงินกว่า 2.2 ล้านล้านบาทจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ และคนที่ให้วิสัยทัศน์ไว้ก็คือ อดีตนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ซึ่งก็แน่นอนว่าตัวเลขที่เคยให้การบ้านกับ ททท. และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไว้นั้น ยังห่างไกลจากความเป็นจริงอย่างยิ่ง

เพราะในปี 2567 เรามีนักท่องเที่ยวเข้าไทย 35.5 ล้านคน และมีรายได้จากการท่องเที่ยว 1.67 ล้านล้านบาท พลาดเป้าที่ตั้งไว้ที่ 1.9 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้ก็มีโอกาสจะพลาดเป้าอีกเพราะจนถึงปัจจุบันในปีนี้ที่เพิ่งจะได้ 10.7 ล้านคน จากที่ตั้งไว้ที่ 39 ล้านคน

คำถามที่น่าจะอยู่ในใจผู้อ่านคือ เพิ่งจะเดือน 4 เอง ทำไมถึงมองโลกในแง่ร้ายจัง? ก็ต้องตอบว่า ฤดูทำเงินของการท่องเที่ยวไทย หรือที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่าไฮซีซันนั้นคือช่วงหน้าร้อนของเรา และอีกทีก็คือปลายปีเลย ช่วงหน้าฝนเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวจะน้อยทั้งต่างชาติและคนไทย และนี่คือเหตุผลว่าทำไมปีนี้เที่ยวไทยน่าจะอยู่ในเกณฑ์ลำบาก

ประจวบกับแคมเปญเที่ยวด้วยกันที่มีแนวโน้มจะคลอดในช่วงหน้าฝน โดยหวังว่าจะมาเติมเต็มตัวเลขที่น้อยกว่าที่คาดไว้ตั้งแต่ต้นปี แต่ถึงอย่างไรเม็ดเงินที่มาจากคนไทยเที่ยวไทย ก็ยังไม่สามารถพยุงเศรษฐกิจหลักของไทยได้ เพราะเราพึ่งพิงเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศอย่างมาก ตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540

นี่คือสัญญาณที่ไม่ค่อยดีนักสำหรับรัฐบาลและเศรษฐกิจไทย ประกอบกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในช่วงสงครามการค้าที่รุนแรงขึ้น ไทยเราจึงจำเป็นต้องทำงานหนักขึ้น เพราะฟันเฟืองหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยนั่นคือ การท่องเที่ยวและการส่งออก เมื่อการส่งออกยากขึ้น เราจึงควรหวังกับการท่องเที่ยวมากขึ้น

ถึงนาทีนี้ทำให้คิดถึงอดีตนายกฯ เศรษฐา ที่เคยให้การบ้านว่าจะต้องทำให้ไทยได้รายได้จากการท่องเที่ยวสูงถึง 3.5 ล้านล้านบาท (รวมนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ) มากกว่าที่เราเคยทำได้ในช่วงก่อนโควิดในปี 2562 ที่ 3 ล้านล้านบาท ซึ่งตอนแรกดูสูงลิ่วสไตล์ CEO เอกชนที่ชอบตั้งเป้าให้สูงเกินจริงเพื่อให้ทุกหน่วยทำงานหนักขึ้น ถึงสุดท้ายจะพลาดเป้า แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้นกว่าปีก่อน