ทรัมป์ กดดันจีนให้ยืนข้อเสนอลดภาษีนำเข้า เพื่อสงบศึกการค้า

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกร้องให้จีนติดต่อเขาเพื่อเริ่มการเจรจาเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสองประเทศซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก
บลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (16 เม.ย.) ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เรียกร้องให้จีนติดต่อเขาเพื่อเริ่มการเจรจาเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสองประเทศซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก
“ลูกบอลอยู่ในมือของจีนแล้ว จีนจำเป็นต้องทำข้อตกลงกับเรา เราไม่จำเป็นต้องทำข้อตกลงกับพวกเขา” แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวกล่าวเมื่อวันอังคาร(15 เม.ย.) โดยอ่านแถลงการณ์ของทรัมป์
“ไม่มีความแตกต่างระหว่างจีนกับประเทศอื่น ยกเว้นว่าจีนมีขนาดใหญ่กว่ามาก และจีนต้องการสิ่งที่เรามี สิ่งที่ทุกประเทศต้องการ สิ่งที่เรามี ผู้บริโภคชาวอเมริกัน หรืออีกนัยหนึ่ง พวกเขาต้องการเงินของเรา” แถลงการณ์ดังกล่าวระบุต่อ
ความคิดเห็นดังกล่าวเป็นสัญญาณใหม่ที่แสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ และจีนยังคงยืนกรานในจุดยืนของตน โดยบ่งชี้ว่าไม่มีทีท่าว่าการตอบโต้กันจะสิ้นสุดลง ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้เพิ่มอุปสรรคทางการค้าขึ้นในระดับที่น่าตกใจ
- จีนตอบโต้สหรัฐหยุดซื้อเครื่องบินโบอิ้ง
จีนสั่งสายการบินไม่ให้รับมอบเครื่องบินเจ็ตของบริษัทโบอิ้งเพิ่มเติม ตามคำบอกเล่าของผู้ที่ทราบเรื่องดังกล่าว การกระทำดังกล่าวถือเป็นการเคลื่อนไหวล่าสุดของปักกิ่งในการตอบโต้การตัดสินใจของทรัมป์ที่จะขึ้นภาษีสินค้าจีนสูงถึง 145%
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ วิพากษ์วิจารณ์จีนในโพสต์โซเชียลมีเดียเมื่อช่วงเช้าวันอังคาร โดยระบุว่ารัฐบาลจีน “เพิ่งผิดสัญญาข้อตกลงใหญ่กับโบอิ้ง” ที่ลงนามในรัฐบาลชุดแรกของเขา
รัฐบาลทรัมป์กล่าวว่ากำลังเจรจากับประเทศคู่ค้าอีกหลายสิบรายเพื่อลดอุปสรรคการค้าแลกกับการผ่อนปรนอัตราภาษีที่สูงขึ้นที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตั้งขึ้น โดยภาษีดังกล่าวถูกระงับเป็นเวลา 90 วันเมื่อวันที่ 10 เมษายน เพื่อให้มีเวลาสำหรับการเจรจา
ทรัมป์กำลังพิจารณาข้อเสนออย่างน้อยจาก 15 ประเทศอื่นๆ และได้แจ้งให้ทีมการค้าของเขาทราบอย่างชัดเจนว่า “ทรัมป์ต้องการลงนามในข้อตกลงทั้งหมดเหล่านี้ด้วยตัวเอง” ลีวิตต์กล่าว
“ยังมีงานอีกมากที่ต้องทำ เราเข้าใจเรื่องนี้ดี แต่เราเชื่อว่าเราจะสามารถประกาศข้อตกลงบางส่วนได้ในเร็วๆ นี้” โฆษกฝ่ายข่าวกล่าวเสริม โดยไม่ได้ระบุว่าประเทศใดใกล้จะบรรลุข้อตกลงแล้ว
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ สหรัฐฯ และจีนยังไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ ในระดับสูง โดยทั้งสองประเทศต่างก็แสดงท่าทีกล่าวโทษกันไปมาและจีนขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ สูงขึ้น จีนประกาศเมื่อวันศุกร์ว่าจะจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ทั้งหมด 125% ตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน เป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นการขึ้นภาษีครั้งล่าสุดที่เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 2 เมษายน เมื่อทรัมป์จัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 34%
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเหล่านี้สูงขึ้นทุกครั้งที่จีนประกาศมาตรการตอบโต้ ทำเนียบขาวยังยืนกรานว่าจีนต้องขอเข้ามาเจรจาก่อน ในขณะที่ปักกิ่งโต้แย้งว่า ยังไม่ชัดเจนว่าสหรัฐฯต้องการอะไร