ภาษีนำเข้า 'ยา-ชิป' จ่อเป็นรายต่อไป ทรัมป์เอาจริงเริ่มสืบสวน

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเริ่มเปิดการสืบสวนสินค้ากลุ่ม 'ยา-ชิป' เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติภายใต้มาตรา 232 เปิดทางสู่การขึ้นภาษีนำเข้าเป็นรายการต่อไป
สำนักข่าวบลูมเบิร์กและรอยเตอร์สรายงานว่า รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเร่งรัดแผนการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าสินค้าในกลุ่ม "เซมิคอนดักเตอร์" และ "ยา" ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำโดยกระทรวงพาณิชย์ ได้เริ่มดำเนินการสืบสวนไปแล้วตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา ภายใต้มาตรา 232 ของกฎหมาย Trade Expansion Act of 1962
การเคลื่อนไหวดังกล่าวซึ่งมีการประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันจันทร์ในระบบ Federal Register ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเตรียมขึ้นภาษีสินค้ารายการถัดไปของทรัมป์ และเสี่ยงที่จะทำให้สงครามการค้าของสหรัฐขยายวงรุนแรงยิ่งขึ้น
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ระบุว่า ได้เริ่มการสืบสวนสอบสวนผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ จาก “การนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์และอุปกรณ์การผลิตเซมิคอนดักเตอร์” เช่นเดียวกับ “ยาและส่วนผสมของยา รวมถึงผลิตภัณฑ์ยาสำเร็จรูป” โดยการสืบสวนเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 1 เม.ย. และอาจดำเนินต่อไปอีกหลายเดือน เป็นที่คาดว่ารมว.พาณิชย์จะประกาศผลการสอบสวนภายใน 270 วัน แต่ทรัมป์และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ส่งสัญญาณว่าอาจแล้วเสร็จได้เร็วกว่านี้
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยกล่าวโจมตีเรื่องการผลิต "ยาและชิป" จากต่างประเทศมานานแล้วว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ และขู่ว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ากลุ่มนี้เพื่อฟื้นฟูการผลิตสินค้าดังกล่าวของสหรัฐ แม้ว่าภาษีดังกล่าวอาจสร้างความเสียหายต่อห่วงโซ่อุปทานและเพิ่มต้นทุนให้กับชาวอเมริกันก็ตาม
หากมีการเก็บภาษีจริงจะส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก ซึ่งมียอดขายมากกว่า 6 แสนล้านดอลลาร์จากการผลิตชิปที่จำเป็นป้อนให้กับหลายอุสาหกรรมตั้งแต่รถยนต์ เครื่องบิน โทรศัพท์มือถือ ไปจนถึงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ในขณะที่ห่วงโซ่อุปทานของเซมิคอนดักเตอร์ที่ยังคงได้รับผลกระทบจากการหยุดชะงักในช่วงการระบาดของโควิด-19 ก็อาจเผชิญกับความตึงเครียดอีกครั้งจากมาตรการภาษีของสหรัฐ
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นตามมาเพียงไม่กี่วัน หลังจากที่ทรัมป์ประกาศยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าจาก "จีน" 145% ให้กับสินค้ากลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ
ซึ่งมีส่วนช่วยอย่างมากต่อบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่เช่น Apple Inc. และ Nvidia Corp. แต่ทรัมป์และที่ปรึกษาของเขาก็ได้ย้ำว่ามาตรการยกเว้นภาษีดังกล่าวจะมีระยะเวลาสั้น และจะมีการเก็บภาษีชิปแยกต่างหาก