'จีน' ส่งออกโต 12.4% เดือนมี.ค. สะท้อนรีบซื้อก่อนเจอภาษีทรัมป์รอบใหม่

จีนส่งออกได้เพิ่มขึ้น 12.4% ในเดือนมี.ค. สะท้อนการรีบซื้อก่อนที่ทรัมป์จะขึ้นภาษีรอบใหม่ ซึ่งล่าสุดทั้งสองฝ่ายใช้ภาษีตอบโต้ต่อกันที่สามหลักแล้ว
เครื่องจักรส่งออกขนานใหญ่ของจีนยังคงแข็งแกร่งในเดือนมี.ค. ขณะที่การขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐ 2 ครั้งก่อนหน้านี้มีผลบังคับใช้ แต่ในเดือนต่อๆ ไป อาจปั่นป่วนกว่านี้มากจากภาษีแบบตอบโต้ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะทำให้เกิดการเรียกเก็บภาษีสูงมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ผลสำรวจของ Wind ผู้ให้บริการข้อมูลทางการเงิน พบว่า ในเดือนมี.ค. ยอดส่งออกสินค้าของจีนเพิ่มขึ้น 12.4% จากปีก่อน สู่ระดับ 3.139 แสนล้านดอลลาร์ และเติบโตมากกว่าเดือนม.ค. และเดือนก.พ. 2.3% ทั้งยังสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ 3.53%
ขณะที่ข้อมูลจากศุลกากรที่เผยแพร่ในวันจันทร์ (14 เม.ย.) ระบุว่า ยอดนำเข้าลดลง 4.3% ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบแบบปีต่อปี หลังจากนำเข้าลดลง 8.4% ในช่วงสองเดือนแรกของปี 2568
ตัวเลขการนำเข้าที่ลดลง ต่ำกว่าที่ Wind คาดการณ์ไว้ว่าอาจลดลง 4.2% นั่นจึงทำให้จีนมีการค้าเกินดุลอยู่ที่ 1.026 แสนล้านดอลลาร์ ในเดือน มี.ค.
การส่งออกสินค้าที่เพิ่มขึ้นและการนำเข้าสินค้าที่ลดลง เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนรอบใหม่ โดยปธน.ทรัมป์ได้ขู่ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนสู่ระดับ 145% หลังจากสั่งปรับขึ้นภาษีสินค้าจีนอยู่หลายครั้ง และเมื่อรวมภาษีที่มีผลบังคับใช้ไปแล้ว ทำให้ภาษีที่เรียกเก็บจากสินค้าจีนสูงถึง 156%
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ยังมีความไม่แน่นอน เนื่องจากทรัมป์เพิ่งประกาศยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จากจีนบางรายการ เมื่อวันศุกร์ (11 เม.ย.) ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐชี้แจงในภายหลังว่า สินค้าประเภทดังกล่าวอาจถูกเรียกเก็บภาษีเช่นกัน
สำหรับการส่งออกสินค้าจีนไปสหรัฐในเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 9.08% เมื่อปีแบบปีต่อปี และเติบโตจาก 2 เดือนแรกของปีนี้ 2.3%
ส่วนชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ผู้ส่งออกของจีนใช้เปลี่ยนเส้นทางขนส่งสินค้าเพื่อเลี่ยงอุปสรรคทางการค้าของสหรัฐ ต่างวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มของภาษีศุลกากรที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน แม้ทรัมป์ระงับขึ้นภาษี เหลือเพียง 10% เป็นเวลา 90 วันเพื่อรอผลเจรจากับคู่ค้าแล้วก็ตาม
จีนส่งออกไปยังอาเซียน ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรการค้าใหญ่สุดของจีน เพิ่มขึ้น 11.55%
โดยจีนส่งออกไปยังไทย เพิ่มขึ้น 27.78% ในเดือนมี.ค. และส่งออกไปเวียดนามเพิ่มขึ้น 18.91% ในช่วงเวลาเดียวกัน
ในการตอบโต้ภาษีทรัมป์ จีนเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐที่ระดับ 125% นอกเหนือจากการเรียกเก็บก่อนหน้านี้ นอกจากนี้จีนยังได้กำหนดมาตรการควบคุมการส่งออกต่อบริษัทสัญชาติสหรัฐ 28 ราย และเพิ่มธุรกิจของสหรัฐ 17 แห่ง เข้าไว้ในรายชื่อ "นิติบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือ" ทั้งยังคุมเข้มการส่งออกแร่หายากมากมายที่จัดส่งไปยังสหรัฐ ซึ่งเป็นแร่ที่สำคัญต่อการผลิตสินค้าไฮเทค
จีน ผู้นำเข้าสินค้าเกษตรรายใหญ่สุดของโลก ได้มุ่งเป้าไปที่สินค้าเกษตรของสหรัฐในเดือนมี.ค. ด้วย โดยเรียกเก็บภาษีพืชผลจากสหรัฐเพิ่ม และระงับการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐบางส่วน และยอดนำเข้าสินค้าเกษตรทั้งหมดของจีน ลดลง 18% เมื่อเทียบปีต่อปีสู่ระดับ 1.375 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมี.ค.
ส่วนอุตสาหกรรมต่อเรือ ซึ่งอุตสาหกรรมที่อยู่ในการควบคุมของสหรัฐ จีนสามารถส่งออกเรือได้ 680 ลำในเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 70.43% เมื่อเทียบปีก่อน ขณะที่มูลค่าการส่งออกเรือโต 1.93% สู่ระดับ 3.18 พันล้านดอลลาร์
และในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา จีนยังคงเพิ่มการนำเข้าชิปเพื่อให้มีซัพพลายสำหรับภาคส่วนเทคโนโลยีที่กำลังเติบโต เพื่อรับมือกับปัญหาที่ซับซ้อนที่มากขึ้นในการค้าโลก
ส่วนการส่งออกรถยนต์ของจีนเพิ่มขึ้น 15.91% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 568,000 คัน และมียอดขายรวมอยู่ที่ 9.59 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1.65% เมื่อเทียบเป็นรายปี
และแม้ว่าภาษีศุลกากรของสหภาพยุโรปขัดขวางการส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าของจีนก่อนหน้านี้ แต่นับแต่นั้นเป็นต้นมา จีนก็สามารถส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) ไปยังกลุ่มประเทศ 27 ประเทศได้เพิ่มขึ้น
อ้างอิง: South China Morning Post