อังกฤษเตรียมส่งเรือบรรทุกเครื่องบินปฏิบัติการทั่วอินโดแปซิฟิก

อังกฤษเตรียมส่งเรือบรรทุกเครื่องบินปฏิบัติการทั่วอินโดแปซิฟิก

อังกฤษเตรียมส่งกองเรือใหญ่สุดในรอบหลายปีนำทีมโดยเรือบรรทุกเครื่องบิน HMS Prince of Wales ปฏิบัติการ 8 เดือนทั่วอินโดแปซิฟิก

เว็บไซต์เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์รายงานว่า เรือบรรทุกเครื่องบิน HMS Prince of Wales จะเป็นผู้นำกองกำลัง 12 ชาติเดินทางผ่านน่านน้ำใกล้ประเทศอินเดีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น

แม้เป้าหมายของปฏิบัติการคือแสดงอำนาจและป้องปรามคู่แข่งอย่างจีน รัสเซีย และเกาหลีเหนือ แต่นักสังเกตการณ์กล่าวว่า การส่งกองเรือมาแบบนี้ยังสะท้อนถึงความตึงเครียดของพันธมิตรสหรัฐในเอเชีย เรื่องทิศทางนโยบายต่างประเทศภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และความต้องการของพันธมิตรยุโรปที่จะช่วยปิดช่องว่าง

“นี่เป็นการส่งสารชัดเจนไปถึงทุกฝ่าย ถ้าคุณถามผมเมื่อสามเดือนก่อนผมคงบอกได้ว่า การส่งกองเรือออกมาเป้าหมายแรกอยู่ที่จีน รัสเซีย และเกาหลีเหนือ และเพื่อแสดงให้เห็นว่า กองกำลังนาโตสามารถส่งไปได้ทั่วโลก”แต่สำหรับตอนนี้ “ปัญหาใหญ่ที่ทุกคนไม่อาจละเลยได้คือรัฐบาลทรัมป์” การ์เรน มัลลอย อาจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยไดโตะ บุนกะ ในญี่ปุ่นกล่าว

กระทรวงกลาโหมอังกฤษ เผยว่า ภารกิจนี้ที่มีรหัสว่า Operation Highmast เป็นภารกิจใหญ่สุดนับตั้งแต่ปี 2021 ด้วยบุคลากรเกือบ 5,000 คน จากสมาชิกนาโตและพันธมิตร เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน สวีเดน และเดนมาร์กจะเข้าร่วมด้วย

เรือ HMS Prince of Wales มีกำหนดออกจากพอร์ตสมัธในวันที่ 22 เม.ย. เริ่มฝึกซ้อมในเมดิเตอร์เรเนียนเป็นที่แรก จากนั้นกองเรือโจมตีจะแล่นผ่านคลองสุเอซเพื่อมาฝึกร่วมกับกองทัพอินเดีย ตามด้วยปฏิบัติการร่วมกับกองทัพมาเลเซียและอินโดนีเซียในเดือน มิ.ย. แล้วไปแวะที่เมืองดาร์วิน ทางตอนเหนือของออสเตรเลีย

ต่อด้วยการร่วมฝึกซ้อม Exercise Talisman Sabre กับกองทัพออสเตรเลีย สหรัฐ และนิวซีแลนด์ ก่อนเดินทางไปยังเกาหลีใต้ซ้อมสกัดกั้นเรือร่วมกับกองทัพเกาหลีใต้เพื่อสนับสนุนการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติด้วยการเพิ่มแรงกดดันต่อเกาหลีเหนือ

นักวิเคราะห์กล่าวว่า การส่งกองเรือลาดตระเวนยังสะท้อนถึงความปรารถนาของมหาอำนาจยุโรป ที่จะแสดงให้เห็นว่ายุทธศาสตร์ของนาโตไม่ได้เน้นแค่ในยุโรปอย่างเดียว พันธมิตรในอินโดแปซิฟิกไว้วางใจได้โดยเฉพาะด้านการป้องปราม ในช่วงที่คาดการณ์จากสหรัฐไม่ค่อยได้

ในญี่ปุ่น กองกำลังพิเศษจะเข้าร่วมในภารกิจป้องกันกรุงโตเกียว โดยเรือ HMS Prince of Wales มีกำหนดจอดเทียบท่าที่อ่าวโตเกียวในช่วงปลายเดือนสิงหาคม มีแผนซ้อมรบร่วมเพิ่มเติมก่อนเดินทางกลับอินเดีย ผ่านคลองสุเอซ และกลับสหราชอาณาจักรในเดือนธันวาคม หลังจากใช้เวลาในท้องทะเลประมาณ 227 วัน

กระทรวงกลาโหมไม่ได้ให้ความเห็นว่ากองเรือนี้จะแล่นผ่านช่องแคบไต้หวันหรือทางตะวันออกของเกาะหรือไม่

มัลลอยกล่าวว่าการผ่านช่องแคบไต้หวัน“เป็นการยั่วยุอย่างชัดเจน แม้เป็นน่านน้ำสากลก็ตาม” และการตัดสินใจเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัตินั้นน่าจะขึ้นอยู่กับรัฐบาลของเรือแต่ละลำในกองเรือเฉพาะกิจ อย่างไรก็ตาม ไม่น่าเป็นไปได้ที่เรือธงของกองเรือจะใช้เส้นทางดังกล่าว

สำหรับกองกำลังอังกฤษ นอกจากเรือ HMS Prince of Wales แล้วยังประกอบด้วยเรือพิฆาต Type-45 หนึ่งลำ, เรือฟริเกต Type-23 หนึ่งลำ, เรือบรรทุกน้ำมันชั้น Tide หนึ่งลำ, เรือดำน้ำอย่างน้อยหนึ่งลำ และเรือสนับสนุนการบินสำหรับฝูงบิน F-35B Lightning สองฝูงบินและเฮลิคอปเตอร์ บนเรือHMS Prince of Wales ด้วย

ข้อมูลจากวารสารกลาโหมสหราชอาณาจักรชี้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ฝูงบินขับไล่ล้ำสมัยสองฝูงบินประจำการบนเรือบรรทุกเครื่องบินของอังกฤษ “ถือเป็นก้าวสำคัญที่สหราชอาณาจักรจะแสดงให้เห็นถึงพลานุภาพทางอากาศกลางท้องทะเล”

ตอนประกาศเรื่องการส่งกองเรือออกปฏิบัติการ เมื่อวันอังคาร (8 เม.ย.) นายจอห์น ฮีลีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอังกฤษ กล่าวว่า ปฏิบัติการนี้ “ซับซ้อนอย่างยิ่ง” แต่ก็แสดงให้เห็นถึงขีดความสามารถระดับผู้นำโลกของอังกฤษ ในการส่งกำลังทหารขนาดใหญ่ไปรอบโลก

ฮีลีย์กล่าวด้วยว่า นี่เป็น “โอกาสพิเศษ” ของสหราชอาณาจักรที่จะทำงานใกล้ชิดกับหุ้นส่วนและพันธมิตร การส่งกองเรือปฏิบัติ “ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบของเราต่อความมั่นคงและเสถียรภาพ แต่ยังเปิดโอกาสส่งเสริมเศรษฐกิจ หนุนการค้าการลงทุนของอังกฤษด้วย”

 “ในฐานะหนึ่งในไม่กี่ประเทศของโลกที่สามารถนำขบวนใหญ่ขนาดนี้ได้ ราชนาวีอังกฤษจะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันน่าเกรงขามอีกครั้ง พร้อมๆ กับปกป้องค่านิยมอังกฤษ และส่งสารอันทรงพลังเพื่อข่มขวัญศัตรู” รัฐมนตรีกล่าว