ญี่ปุ่น ยืนยัน ไม่มีแผนใช้ 'บอนด์สหรัฐ' เป็นเครื่องมือต่อรองภาษี

ญี่ปุ่นยันจะไม่ใช้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ถืออยู่เป็นเครื่องมือต่อรองในประเด็นภาษีศุลกากร แม้ต้องเผชิญอัตราภาษีสูงสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งเป็นเสาหลักเศรษฐกิจ
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (13 เม.ย.) ว่า ญี่ปุ่นไม่มีแผนที่จะใช้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ถืออยู่มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลกเป็นไม้ตายในการต่อรองประเด็นเรื่องการขึ้นภาษีศุลกากรจากสหรัฐในการเจรจาที่จะมีขึ้นในวันที่ 17 เม.ย. ที่จะถึงนี้
"ในฐานะพันธมิตร เราไม่มีความตั้งใจที่จะดำเนินการใดๆ ต่อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และการสร้างความปั่นป่วนในตลาดไม่ใช่ความคิดที่ดีอย่างแน่นอน" นายอิตสึโนริ โอโนเดระ หัวหน้าฝ่ายนโยบาย พรรคเสรีประชาธิปไตย (Liberal Democratic Party) กล่าวทางสถานีโทรทัศน์สาธารณะ NHK วันนี้
ทั้งนี้ บทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก เผยว่า "ยอดเทขายพันธบัตรสหรัฐ" ในสัปดาห์ที่แล้วส่งผลให้อัตราผลตอบแทน (บอนด์ยีลด์) ระยะยาวพุ่งสูงขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิดในปี 2563 ซึ่งเพิ่มความเสียหายให้กับเงินดอลลาร์ในฐานะ "Safe Haven" โดยนักลงทุนบางรายคาดการณ์ว่าผู้จัดการทุนสำรองระหว่างประเทศรวมถึงจีนอาจกำลังประเมินตำแหน่งการลงทุนในหนี้รัฐบาลสหรัฐใหม่ เนื่องจากผลกระทบจากนโยบายการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
นักเจรจาญี่ปุ่นกำลังแสวงหาข้อยกเว้นจากภาษีศุลกากรแบบต่างตอบแทนที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 9 เม.ย. ในขณะที่สหรัฐกำลังผลักดันให้มีการยอมลดหย่อนในเรื่องผลิตภัณฑ์การเกษตรและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ญี่ปุ่นซึ่งเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับสหรัฐมาตลอด ได้รับผลกระทบจากอัตราภาษี 24% ในขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจประเทศต้องจ่ายภาษีถึง 25%
นายโอโนเดระกล่าวว่า ญี่ปุ่นควรยกประเด็นเรื่อง "ภาษีศุลกากรของสหรัฐ" ขึ้นหารือกับองค์การการค้าโลก (WTO) เขายังเน้นย้ำถึงความเดือดร้อนของประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค ซึ่งหลายประเทศถูกกระทบด้วยอัตราภาษีศุลกากรที่สูงที่สุดในโลก และกล่าวว่าญี่ปุ่นจะทำงานเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อ้างอิง: Bloomberg







