อินเดียยกเครื่องหลักสูตรวัดพุทธหิมาลัยรับมืออิทธิพลจีน

อินเดียเตรียมเปิดตัวหลักสูตรการศึกษาภาคเรียนแรกสำหรับวัดพุทธศาสนาในเดือนนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อหลอมรวมหลักสูตรการศึกษาและส่งเสริมความรักชาติในอารามซึ่งเป็นศูนย์กลางศาสนาแถบหิมาลัยใกล้ชายแดนจีน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า อินเดีย ในฐานะแหล่งกำเนิดของพุทธศาสนาจึงมีวัดวาอารามโบราณหลายแห่ง ต่อมาในทศวรรษ 1950 ชาวทิเบตไหลทะลักเข้ามาทำให้มีการก่อตั้งสถาบันทางศาสนาใหม่ๆ เกิดขึ้น แต่ขณะนี้อินเดียพยายามแยกการเรียนศาสนาออกจากอิทธิพลของจีน
“เราพยายามปลูกฝังอัตลักษณ์อินเดียผ่านการศึกษาและพุทธศาสนา เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจีนจะไม่สามารถควบคุมวัดวาอารามของเราในแถบหิมาลัยได้” มาลิง กอมบู คนงานชาวพุทธของพรรคภราติยะ ชนตะ (บีเจพี) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลกล่าว
“เด็กๆ หลายพันคนใช้ชีวิตและเรียนหนังสือในวัดห่างไกล สมควรได้รับการศึกษาที่เป็นที่ยอมรับและรับรองโดยอินเดีย” กอมบูอธิบายต่อ เขาเป็นหนึ่งในทีมงานส่งเสริมธรรมเนียมพุทธแบบอินเดียและการศึกษาของชาติในรัฐอุณาจัลประเทศ รัฐชายแดนที่ถูกจีนอ้างสิทธิแต่รัฐบาลนิวเดลีปฏิเสธ
วัดประมาณ 600 แห่งกระจายอยู่ทั่วรัฐทางตอนเหนือของสิกขิม หิมาจัลประเทศ อุตตรขัณฑ์รวมไปถึงภูมิภาคจัมมูและแคชเมียร์ และลาดัก จัดการฝึกอบรมธรรมเนียมปฏิบัติพุทธศาสนาแบบทิเบตและอินเดีย 4 ประเภท รวมถึงสอนวิชาสมัยใหม่อย่างภาษาอังกฤษ แต่หลักสูตรไม่สอดคล้องกับการจัดการศึกษาของชาติที่มุ่งหวังเชื่อมโยงอัตลักษณ์ที่แตกต่างหลากหลายทั้งภาษาและศาสนาของอินเดียเข้าด้วยกัน
ราจีฟ กุมาร ซิงห์ ผู้อำนวยการสถาบันโรงเรียนระบบเปิดแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการเผยว่า การสอนวิชาสามัญโดยสงฆ์และชีไม่เป็นที่ยอมรับจากสังคมภายนอก
ซิงห์ ผู้ทำงานเกี่ยวข้องกับหลักสูตรใหม่ที่กำหนดให้ต้องมีการประเมินผลเป็นเวลา 5 ปี กล่าวด้วยว่า หลักสูตรนี้หวังเตรียมนักเรียนชาวอินเดียและทิเบตให้พร้อมสำหรับชีวิตทางวิชาการในอินเดีย
“พวกเขา (ชาวทิเบต) เรียนประวัติศาสตร์และประเพณีทิเบตได้อย่างเสรี แต่ในฐานะที่พักอาศัยอยู่ที่นี่และจำเป็นต้องได้การศึกษาที่เหมาะสมเพื่อหางานทำนอกอารามก็ต้องเรียนเกี่ยวกับอินเดียด้วย”
ตามเอกสารของรัฐบาลที่รอยเตอร์ได้เห็นมาระบุว่า อาราม 20 แห่งบริเวณชายแดนจีน 3,000 กิโลเมตรเห็นชอบใช้หลักสูตรใหม่ ส่วนที่เหลือค่อยๆ นำไปใช้ในปีนี้
ขอเวลาปรับตัว
แม้ทางการคุยกับอารามเป็นรายแห่งให้ใช้หลักสูตรใหม แต่พวกเขาขอเวลาพิมพ์ตำราใหม่และจัดสรรครูเข้ามาสอนในโรงเรียนที่ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลผู้คนอยู่อาศัยน้อย
กระนั้น พระสงฆ์ในอารามหลายแห่ง เช่น ที่กอนเจการ์เดน รับเก ลิง ในรัฐอุณาจัลประเทศ กล่าวว่าหลักสูตรของวัดที่เน้นด้านปรัชญาพุทธควบคู่ไปกับการศึกษาสมัยใหม่ได้รับการคัดสรรมาอย่างรอบคอบเพื่อตอบสนองความต้องการของเด็กๆ ที่อาจเติบโตขึ้นเป็นนักเทศน์
“เราไม่คิดว่าหลักสูตรที่รัฐบาลกำหนดจำเป็นสำหรับวัดเรา เพราะอาจทำลายความต่อเนื่องที่กำหนดไว้ตั้งแต่ทศวรรษ 1970” เกเช ดอนดัพ ครูสอนศาสนากล่าว ปีนี้กอนเจการ์เดน รับเก ลิง มีนักเรียนราว 300 คน
ทั้งนี้ ชาวทิเบตนับหมื่นๆ คนเข้ามาแสวงหาที่พักพิงในอินเดีย ตามรอย ทะไลลามะ ผู้นำทางจิตวิญญาณทิเบต เจ้าของ รางวัลโนเบลสันติภาพ ผู้หนีการปราบปรามของกองทัพจีนหลังการลุกฮือของชาวทิเบตในปี 1959
ขณะนี้ผู้ลี้ภัยชาวทิเบตราว 75,000 คน ตั้งถิ่นฐานอยู่โดยการบริหารจัดการของสำนักงานบริหารทิเบตกลาง (ซีทีเอ) หรือรัฐบาลพลัดถิ่นของทะไลลามะ ซึ่งควบคุมอารามบางแห่งโดยตรง แต่ไม่ได้ควบคุมวัดนอกธรรมเนียมทิเบต
รอยเตอร์ตรวจสอบตำราเรียนชุดแรกที่เจ้าหน้าที่กระทรวงศึกษาฯ และนักวิชาการพุทธศาสนาอินเดียจัดหาให้ พบว่าเนื้อหาเจาะลึกประวัติศาสตร์อินเดียโบราณ, อินเดียสมัยใหม่ และบทบาทของอินเดียในการต่อสู้เพื่อเสรีภาพของทิเบต นอกจากนี้ยังเน้นวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ การฝึกอบรมคอมพิวเตอร์ นอกเหนือไปจากวิชาบังคับอย่างภาษาอังกฤษ ภาษาฮินดี และภาษาโภติที่เป็นภาษาแม่ของชาวทิเบต
ทาร์ลัม โดลมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของซีทีเอ กล่าวว่า ที่ผ่านมาโรงเรียนวัดใช้เงินทุนและบริหารจัดการโดยสงฆ์และชี ซีทีเอไม่มีสิทธิเข้าไปกำกับดูแล ขณะที่เจ้าหน้าที่รายหนึ่งในสำนักงานทะไลลามะไม่ได้ให้ความเห็นกับรอยเตอร์
ส่วนอินเดียจะเริ่มให้ทุนแก่อารามดำเนินการโดยศาสนาพุทธนิกายต่างๆ ซึ่งใช้เงินช่วยเหลือจากต่างประเทศดำเนินการมาหลายสิบปี เงินทุนที่อินเดียให้จะนำมาใช้สรรหาครู จ่ายเงินเดือนภิกษุ และเปิดทางให้มีการสอบประจำปี
ในความพยายามทำให้หลักสูตรเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันนี่เอง เดือน มี.ค.ปีก่อนศาลจึงจำเป็นต้องพิพากษาสั่งห้ามมีโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามในอุตตรประเทศ รัฐที่มีประชากรมากที่สุดของอินเดีย โดยให้เหตุผลว่า โรงเรียนสอนศาสนาละเมิดรัฐธรรมนูญโลกวิสัย นักเรียนต้องย้ายไปเรียนในโรงเรียนสามัญ
เจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยรายหนึ่งกล่าวกับรอยเตอร์โดยไม่เปิดเผยชื่อว่า การดูแลการศึกษาในอารามในพื้นที่ยุทธศาสตร์ห่างไกล เป็นส่วนหนึ่งของแผนการปิดกั้นสถาบันทางศาสนาให้พ้นอิทธิพลจีน รอยเตอร์สอบถามทางอีเมลไปยังโฆษกกระทรวงมหาดไทยไม่ได้รับคำตอบ
น่าสังเกตว่า แม้ปีก่อนสองยักษ์ใหญ่แห่งเอเชียเริ่มผ่อนคลายความตึงเครียดทางทหารบริเวณพรมแดนข้อพิพาท นับตั้งแต่เคยปะทะกันในปี 2020 คร่าชีวิตทหาร 24 นาย ขณะเดียวกันอินเดียมีเป้าหมายเพิ่มงบประมาณพัฒนาพื้นที่ชายแดนท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ค่อยๆ ดีขึ้นกับจีนด้วย







