จับตา 'อิหร่าน-สหรัฐ' หารือแผนนิวเคลียร์วันเสาร์นี้ ในโอมาน

จับตาทีมเจรจาของ 'อิหร่านและสหรัฐ' เตรียมหารือเกี่ยวกับแผนนิวเคลียร์ในวันนี้ โดยมีรัฐมนตรีต่างประเทศของโอมานเป็นตัวกลาง
อิหร่านเผยเมื่อวันศุกร์ (11 เม.ย.) ว่า เตรียมเปิดเจรจาระดับสูงเรื่องนิวเคลียร์กับสหรัฐอย่างจริงจังในวันเสาร์ (12 เม.ย.) นี้ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐขู่จะทิ้งระเบิด หากการเจรจาล้มเหลว
ทรัมป์ประกาศกะทันหันเมื่อวันจันทร์ (7 เม.ย.) ว่า รัฐบาลวอชิงตันและเตหะรานจะหารือกันในโอมาน ประเทศในอ่าวเปอร์เซียที่ได้เป็นตัวกลางระหว่างชาติตะวันตกและสาธารณรัฐอิสลามมาก่อน
ทำเนียบขาวได้ย้ำถึงคำขู่ของทรัมป์เมื่อวันศุกร์ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงเส้นทางอันยากลำบากของผู้เจรจาที่รออยู่ข้างหน้า โดยทำเนียบขาวระบุว่า ทรัมป์ต้องการให้อิหร่านทราบว่าอาจต้องเจอกับ "หายนะใหญ่" ถ้าไม่ยอมยกเลิกโครงการนิวเคลียร์
สตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษประธานาธิบดี ที่เป็นผู้นำคณะผู้เจรจาสหรัฐ กล่าวว่า เส้นตายของรัฐบาลคือการยุติอิหร่านไม่ให้สามารถผลิตอาวุธนิวเคลียร์ และการล้มเลิกโครงการนิวเคลียร์เป็นข้อเรียกร้องเบื้องต้น และเสริมว่าวอชิงตันอาจเปิดรับทางเลือกอื่นๆ เพื่อการประนีประนอม
ด้านสื่ออิหร่านรายงานว่า การหารือเรื่องนิวเคลียร์จะนำโดยอับบาส อารักชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน และวิตคอฟฟ์โดยมีบาเดอร์ อัล-บูไซดี รัฐมนตรีต่างประเทศโอมานเป็นคนกลาง
กระทรวงต่างประเทศอิหร่านแถลงเมื่อวันศุกร์ว่า สหรัฐควรให้ความสำคัญกับการตัดสินใจของสาธารณรัฐอิสลามที่เข้าร่วมการเจรจา
“เราจะประเมินเจตนาและหาข้อยุติของอีกฝ่ายในวันเสาร์นี้” เอสมาอิล บาเกอี โฆษกกระทรวงฯ โพสต์ในแพลตฟอร์ม X “เราให้โอกาสทางการทูตอย่างแท้จริง ด้วยความจริงใจและความระมัดระวังอย่างจริงจัง”
สำนักข่าว ISNA อ้างคำพูดของมาจิด ทัคห์-เอ ราวันชี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน ระบุว่า “หากไม่มีการคุกคามและการข่มขู่จากฝ่ายสหรัฐ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะบรรลุข้อตกลง” และเสริมว่า อิหร่านปฏิเสธการกลั่นแกล้งและการบังคับต่างๆ
ปัจจุบันอิหร่านและกลุ่มพันธมิตรเริ่มอ่อนแอลงจากการโจมตีทางทหารของอิสราเอลทั่วภูมิภาค รวมถึงการโจมตีทางอากาศในอิหร่าน หลังถูกฮามาสโจมตีตั้งแต่ ต.ค. 2023
ส่วนการโจมตีทางอากาศของสหรัฐต่อกลุ่มฮูตีในเยเมน ซึ่งเป็นพวกเดียวกับอิหร่าน และการโจมตีเส้นทางเดินเรือระหว่างประเทศในทะเลแดงเพื่อสนับสนุนฮามาส ทำให้เกิดการคาดเดาว่าวอชิงตันอาจเตรียมโจมตีอิหร่านด้วย
ขณะที่อิสราเอลได้กลับมาปฏิบัติการทางทหารอย่างโหดร้ายต่อกลุ่มฮามาสซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านเช่นกัน หลังจากสงบศึกมาหลายสัปดาห์ และสถานการณ์หยุดยิงกับฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านก็ยังคงเปราะบาง
ทั้งนี้ ในการดำรงตำแหน่งปธน.สมัยแรกของทรัมป์ เขาได้ถอนสหรัฐออกจากข้อตกลงมหาอำนาจกับเตหะรานปี 2015 และใช้แนวทางที่เข้มงวดต่อมหาอำนาจตะวันออกกลางอีกครั้ง ขณะที่อิสราเอล พันธมิตรของสหรัฐก็มองว่าโครงการนิวเคลียร์เป็นภัยคุกคามที่ยังคงมีอยู่
ทรัมป์ถอนสหัฐออกจากข้อตกลง 2015 เนื่องจากมองว่าดีลนี้มีข้อบกพร่องมากมาย โดยเตหะรานสามารถสะสมยูเรเนียมจนมีระดับเกือบเท่าระดับที่เหมาะสมใช้เป็นเชื้อเพลิงระเบิดนิวเคลียร์ได้
ข้อตกลงดังกล่าวบรรลุในสมัยอดีตปธน.บารัก โอบามา และแม้อิหร่านบอกว่าโครงการมีจุดประสงค์เพื่อพลังงานสันติภาพ แต่ตะวันตกมองว่าโครงการเกินขอบเขตข้อกำหนดระดับพลเรือนไปมาก และสงสัยว่าเตหะรานอาจพยายามพัฒนาขีดความสามารถด้านอาวุธนิวเคลียร์
อ้างอิง: Reuters







