จะไปเจรจาภาษีทรัมป์ต้องรู้จัก 'สก็อตต์ เบสเซนต์' ขุนคลังหัวหน้าทีม

จะไปเจรจาภาษีทรัมป์ต้องรู้จัก 'สก็อตต์ เบสเซนต์' ขุนคลังหัวหน้าทีม

แม้รัฐมนตรีคลังสหรัฐ “สก็อตต์ เบสเซนต์” ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการกำหนดภาษีสูงสุดนับตั้งแต่ก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 2 แต่ตอนนี้เขาต้องรับผิดชอบการเจรจาที่นานาประเทศมาขอต่อรอง

KEY

POINTS

  • สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐรับผิดชอบการเจรจาต่อรองภาษีกับนานาชาติ
  • ในการประชุม ครม. เมื่อวันพฤหัสบดี   ทรัมป์เอ่ยชื่อ เบสเซนต์ และโฮวาร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ว่า “เป็นคนที่กำลังทำข้อตกลง”
  • เบสเซนต์ กล่าวว่า ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เวียดนาม และอินเดียเป็นประเทศสำคัญที่สุดกลุ่มหนึ่ง เนื่องจากตั้งอยู่รายล้อมจีน

 

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาอดีตผู้จัดการเฮดจ์ฟันด์รายนี้กลายเป็นที่ปรึกษาแนวหน้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ท่ามกลางแรงเทขายหุ้นกดดันให้รัฐบาลต้องระงับการเก็บภาษีนำเข้าออกไปก่อน

เจมี ไดมอน คนดังในแวดวงการเงินสหรัฐ กล่าวเมื่อวันพุธ (9 เม.ย.68) ในรายการ Fox Business ที่ทรัมป์บอกว่าเขาดูอยู่ด้วย เรียกร้องให้ สก็อตต์ เบสเซนต์ รับบทนำ “ให้สก็อตต์ใช้เวลากับ” เหล่าคู่ค้าเพื่อทำดีล

ไม่นานหลังจากนั้นเบสเซนต์ก็ยกเลิกงานที่อาคารรัฐสภาที่เขาต้องหารือร่างกฎหมายลดภาษีกับสมาชิกพรรครีพับลิกัน รีบรุดไปทำเนียบขาวทันทีเพื่อคุยกับผู้สื่อข่าวในฐานะตัวหลักของรัฐบาล ให้รายละเอียดเรื่องการตัดสินใจระงับภาษี 90 วันของทรัมป์ว่า เพื่อเป็นการเปิดทางให้เจรจา

ก่อนหน้าได้รับเลือกให้เป็นขุนคลัง เบสเซนต์เคยเรียกวิธีการของทรัมป์ว่า “เล่นใหญ่เพื่อลดการเล่นใหญ่”  เขาเลิกพูดคำนี้หลังจากเข้ามาร่วมคณะรัฐมนตรีแต่สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้คือ ทรัมป์เลือกเบสเซนต์ และเจมีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (ยูเอสทีอาร์) รับบทบาทนำในการเจรจากับญี่ปุ่น ที่ได้รับความสำคัญในฐานะพันธมิตรหลัก และชาติที่เข้ามาหาสหรัฐอย่างรวดเร็ว

ในการประชุม ครม. เมื่อวันพฤหัสบดี (10 เม.ย.68) ทรัมป์เอ่ยชื่อเบสเซนต์ และโฮวาร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ว่า “เป็นคนที่กำลังทำข้อตกลง”

เบสเซนต์ กล่าวในที่ประชุมว่า กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานยูเอสทีอาร์จะ “กำหนดกระบวนการดำเนินการ” พร้อมย้ำว่า ทรัมป์จะเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเจรจา

แม้หุ้นพุ่งขึ้นทันทีในวันพุธรับข่าวระงับภาษี แต่ในวันพฤหัสบดี ดัชนี S&P 500 ร่วงลงกว่าหนึ่งในสามที่เคยขึ้นไปในวันก่อนหน้า เมื่อนักลงทุนการเจรจากับคู่ค้าหลายสิบรายคงดำเนินไปอย่างยากลำบาก

“สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้คือ ตลาดมองว่า พวกเขามีเบสเซนต์เป็นโฆษก วันนี้ความจริงปรากฏแล้ว สำหรับเบสเซนต์วันพุธเป็นวันสำคัญที่สุดวันหนึ่งของการรับตำแหน่งช่วงแรกๆ แต่ยังมีบททดสอบตามมาอีกมาก” จอช ลิปสกี ผู้อำนวยการอาวุโส ศูนย์ภูมิเศรษฐศาสตร์ สภาแอตแลนติกให้ความเห็น

 

 

เปลี่ยนแปลงบทบาท

มันเป็นการเปลี่ยนแปลงบทบาทกะทันหันสำหรับรัฐมนตรีคลังรายนี้ เพราะเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนเขายังเพิ่งเป็นผู้นำร่วม สส.พรรครีพับลิกันหารือกับเควิน แฮสเสต ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ หารือเรื่องมาตรการลดภาษีกันอยู่เลย

บลูมเบิร์กสอบถามไปยังโฆษกกระทรวงการคลัง โฆษกไม่ให้ความเห็นในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ลุตนิกดูเหมือนจะรับหน้าที่ซาร์การค้าแต่เพียงผู้เดียว เพราะทรัมป์ไม่ใช่แค่เพียงเลือกเขาเป็น รมว.พาณิชย์ แต่ยังกล่าวว่า ลุตนิก “จะเป็นผู้นำของเราในนโยบายภาษีและการค้า” และ “รับผิดชอบโดยตรงกับสำนักงานยูเอสทีอาร์ของกรีเออร์ด้วย”

ล่าสุดดูเหมือนว่า ปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาประธานาธิบดีจะโดดเด่น มีบทบาทสำคัญในภาษีศุลกากรตอบโต้ที่ประกาศออกไปในวันที่ 2 เม.ย.68 ที่ทรัมป์เรียกว่า “วันปลดแอก”

“ผมไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการคำนวณภาษีที่ประกาศเมื่อวันที่ 2 เม.ย.68” เบสเซนต์ กล่าวในสัปดาห์นี้ขณะที่หุ้นดิ่ง บอนด์ยีลด์พุ่ง กระตุ้นความกังวลว่าเศรษฐกิจน่าจะไม่ใช่แค่ถดถอย แต่อาจถึงขั้นวิกฤติการเงินด้วยซ้ำ

แต่ตอนนี้เบสเซนต์กำลังเกี่ยวข้องโดยตรงในการเจรจากับคู่ค้าสหรัฐว่าจะเคาะกันที่ตัวเลขใด เขาระบุว่า ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เวียดนาม และอินเดีย เป็นประเทศสำคัญที่สุดกลุ่มหนึ่ง เนื่องจากตั้งอยู่รายล้อมจีน ที่โดนภาษีไป 145% และยังไม่เห็นทางออก

ตลาดผันผวน

“ผมกำลังรับบทบาทนำการเจรจาเรื่องภาษีจำนวนมาก เริ่มต้นกับญี่ปุ่น” เบสเซนต์ กล่าวเมื่อวันพุธ ระบุด้วยว่า เขาจะยังอยู่ในเมืองเพื่ออีสเตอร์ และเจรจากับประเทศอื่นๆ สัปดาห์หน้าจะไปอาร์เจนตินา

ยังไม่ทราบแน่ชัดว่านี่คือ แผนการในภาพใหญ่หรือไม่ และบทบาทนำของเบสเซนต์ เป็นไปตามแผนใหญ่หรือแค่การแก้ไขสถานการณ์เร่งด่วนเท่านั้น หลังหุ้นวอลล์สตรีทถูกเทขายจนดัชนี S&P500 ร่วงเข้าสู่ภาวะตลาดหมี พันธบัตรสหรัฐผันผวนจนเกรงกันว่าเงินในระบบไม่พอ

 ไบรอัน การ์ดเนอร์ นักกลยุทธ์หัวหน้าฝ่ายนโยบายวอชิงตันจากธนาคารสติเฟล กล่าวว่า บทบาทที่โดดเด่นมากขึ้นของเบสเซนต์เป็น “สัญญาณกระตุ้นนักลงทุน”

หลังประกาศภาษีเมื่อวันที่ 2 เม.ย. เบสเซนต์ให้สัมภาษณ์สื่อหลายครั้งว่า หลายสิบชาติติดต่อขอเจรจากับวอชิงตัน และให้คำปรึกษาคู่ค้าไม่ให้ตอบโต้สหรัฐ

ไม่มีสัญญาณว่ากำแพงภาษีสูงลิ่วจะคงอยู่นาน และเป็นเครื่องมือดึงการผลิตจากต่างประเทศกลับสหรัฐอย่างที่นาวาร์โรผลักดันเสมอมา

หลังจากประกาศภาษี เบสเซนต์ซึ่งเป็นชาวเซาท์แคโรไลนายังคงใกล้ชิดกับทรัมป์ บินไปมาร์อาลาโกด้วยกันเมื่อสุดสัปดาห์ เพื่อให้คำปรึกษาแก่ประธานาธิบดีหลังหุ้นร่วงในสัปดาห์ก่อน

ครม.ทรัมป์เหนียวแน่น

สำหรับนาวาร์โร กล่าวสั้นๆ หลังเบสเซนต์แสดงความเห็นที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพุธว่า “เรื่องนี้ได้ดำเนินการไปอย่างที่ควรจะเป็น” ในทัศนะของเขาสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น “ต่อรองไม่ได้” แม้สหรัฐจะรับฟังว่าคู่ค้าต้องการอะไร

“ทุกคนในรัฐบาลคิดเหมือนกัน” นาวาร์โรกล่าวกับ Fox Business

ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการเจรจาของรัฐบาลจะเหนียวแน่นไปตลอดหรือไม่ต้องรอดู แฮสเสต กล่าวในวันพฤหัสบดีว่า “ราว 15 ประเทศ ยื่นข้อเสนอชัดเจนมาแล้วซึ่งเรากำลังศึกษา และพิจารณา และกำลังตัดสินใจว่าข้อเสนอเหล่านั้นดีพอนำเสนอต่อประธานาธิบดีหรือไม่”

กระนั้นการซื้อขายหุ้นที่ผันผวนในวอลล์สตรีทเมื่อวันพฤหัสบดี ชี้ให้เห็นว่า มีแรงกดดันให้ทำดีลที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์