คนอินโดฯ แห่ซื้อ ‘ทองคำ’ หลังรูเปียห์อ่อน - หุ้นร่วง เซ่นพิษภาษีทรัมป์

คนอินโดนีเซียแห่ซื้อ ‘ทองคำ’ เพิ่ม 3 เท่า ความหวังการลงทุนเมื่อเกิดปัญหาเศรษฐกิจ หลังรูเปียห์อ่อนค่า - หุ้นร่วง เซ่นพิษสงครามการค้า และภาษีทรัมป์
รอยเตอร์รายงานว่าชาว “อินโดนีเซีย” จำนวนมากพากันไปซื้อ “ทองคำแท่ง” เป็นสินทรัพย์หลักประกันหากเกิดปัญหาเศรษฐกิจในอนาคต เนื่องจากค่าเงินรูเปียห์ และตลาดหุ้นกำลังตกต่ำลง
อินโดนีเซียเป็นหนึ่งในหลายสิบประเทศที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการเก็บภาษีสินค้านำเข้าของประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” โดยถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษีตอบโต้ 32% ทำให้ค่าเงินรูเปียห์ของอินโดนีเซียร่วงลงไปอยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบหลายปี แม้ว่าธนาคารกลางของอินโดนีเซียจะพยายามเข้ามาแทรกแซงเพื่อพยุงค่าเงินแล้วก็ตาม
วานนี้(9 เม.ย.68)เงินรูเปียห์ร่วงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 16,970 รูเปียห์ต่อดอลลาร์ ขณะที่ตลาดหุ้นอินโดนีเซียร่วงลงหลายวันติดต่อกัน โดย ดัชนีจาการ์ตา คอมโพสิตลาดลงมากกว่า 7% ตามตลาดโลก หลังจากหยุดยาวช่วงวันอีดอัลฟิฏร์
แม้ว่ารัฐบาลอินโดนีเซีย และนักเศรษฐศาสตร์บางส่วนจะมองว่าภาษีนำเข้าของสหรัฐ อาจส่งผลกระทบต่ออินโดนีเซียไม่มากนัก เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศพึ่งพาตลาดภายในประเทศที่ใหญ่เป็นหลัก แต่ความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ รองเท้า และเสื้อผ้าไปยังสหรัฐกลายเป็นปัจจัยหลักที่ฉุดรั้งเงินรูเปียห์
ยอดซื้อทองเพิ่มขึ้น 3 เท่า
ยอดขาย “ทองคำ” ของร้าน Galeri24 กลับเพิ่มขึ้นถึงสามเท่า โดยขายได้มากกว่า 65 กิโลกรัมต่อวัน ตั้งแต่ร้านกลับมาเปิดทำการหลังวันหยุดยาวในสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ บริษัทโรงรับจำนำ Pegadaian พบว่า ลูกค้าเปิดบัญชีออมทรัพย์ทองคำคิดเป็นมูลค่า 84 กิโลกรัมต่อวัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปกติที่ประมาณ 25 กิโลกรัมต่อวัน
เอ็นดาห์ ซูเซียนี กรรมการบริษัทกล่าวว่า สาขาแห่งหนึ่งในกรุงจาการ์ตา พนักงานขายต้องทำงานล่วงเวลาเพื่อให้บริการลูกค้าเกือบ 200 รายต่อวัน ซึ่งส่วนใหญ่มาซื้อทองคำแท่งขนาดเล็กไม่เกิน 10 กรัม โดยมีราคาขายประมาณ 1,770,000 รูเปียห์ หรือประมาณ 3,500 บาท ต่อกรัม
ความหวังการลงทุนระยะยาวยุคเศรษฐกิจอ่อนแอ
ซูฮุด ชะฮรานี ชาวอินโดนีเซียวัย 35 ปี ได้ซื้อบาร์ทองคำหลายแห่ง หลังจากศึกษาตัวเลือกการลงทุนระยะยาว และรู้สึกดีใจที่เขาไม่เลือกที่จะนำเงินไปลงทุนในหุ้นหรือกองทุนรวม เพราะ “ตลาดหุ้นตกต่ำ เศรษฐกิจของเรากำลังอ่อนแอลง”
เอลวี โรฟิโกตุล ฮิดายาห์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ของโรงรับจำนำ กล่าวว่า ลูกค้าบางรายที่อายุยังน้อย น่าจะย้ายการลงทุนจากหุ้น และสกุลเงินดิจิทัลมาสู่ทองคำ
“ตอนนี้เป็นยุคแห่งความไม่แน่นอน เพราะสงครามการค้า ภาษีศุลกากร มีผลกระทบต่อราคาทองคำอย่างมาก และผู้คนก็เข้าใจเรื่องนี้ดี และหวังว่าจะปกป้องความมั่งคั่งของตนจากภาวะเงินเฟ้อได้” เอลวี กล่าว
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์






