เร่งกอบกู้ออนเซ็นญี่ปุ่น คนแห่เที่ยวจนระดับน้ำลด

น้ำพุร้อนญี่ปุ่นที่รู้จักกันในชื่อ “ออนเซ็น” ได้รับความนิยมจากการให้ประสบการณ์วิถีเซ็น นักท่องเที่ยวทั่วโลกนิยมมาแช่น้ำในสระน้ำธรรมชาติเพื่อดื่มด่ำความสุขอย่างเต็มที่
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ญี่ปุ่น มี บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ 27,000 แห่ง แต่การท่องเที่ยวที่พุ่งขึ้นอย่างมากทำให้น้ำลดลงในเมืองน้ำพุร้อนบางเมือง จนเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นนิ่งเฉยไม่ได้ หนึ่งในนั้นคืออุเรชิโนะ เมืองที่แทรกตัวอยู่ในหุบเขาของ จ.ซางะ ทางตะวันตกของเกาะคิวชู
อุเรชิโนะเป็นที่ตั้งของบ่อน้ำพุร้อนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นดำเนินการโดยโรงแรมและเรียวกังหรือโรงเตี๊ยมแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมมากกว่า 30 แห่ง
เมืองที่มีประชากร 25,000 คนแห่งนี้เดิมทีเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวในประเทศ ขณะนี้กำลังเป็นที่นิยมในหมู่นักเดินทางต่างชาติเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ผู้คนไหลทะลักเข้ามาญี่ปุ่นเป็นล้านๆ คน
เมื่อเร็วๆ นี้ทางการท้องถิ่นได้ออกประกาศเตือนว่า การท่องเที่ยวแออัดจะส่งผลต่อปริมาณน้ำพุร้อนในเมือง
“เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ทำให้เรียวกังและที่พักอื่นๆ ใช้น้ำเพิ่มขึ้นมาก”
ฮิโรโนริ ฮายาเซะ ผู้ช่วยนายกเทศมนตรีเมืองอุเรชิโนะกล่าวในแถลงข่าว
สอดรับกับรายงานข่าวของสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเคที่ว่า ปีก่อนมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ระดับน้ำสำรองเฉลี่ยของอุเรชิโนะลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ 39.6 เมตร หรือลดลง 20% จากระดับต่ำสุดเมื่อสี่ปีก่อนที่ตอนนั้นเหลือ 50 เมตร
นายกเทศมนตรีไดสุเกะ มุราคามิ ย้ำว่า แหล่งน้ำยังมีพอใช้ได้อีกนาน แต่ทางการก็เรียกร้องให้โรงแรมและเรียวกังจำกัดการใช้น้ำในห้องอาบน้ำส่วนตัวยามดึก
นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องการออนเซ็นส่วนตัวเป็นพิเศษ เพราะการไปออนเซ็นชุมชนต้องเปลือยกายแช่น้ำตามธรรมเนียมญี่ปุ่น ซึ่งชาวต่างชาติไม่คุ้นเคยหรือไม่สะดวกใจที่จะทำ
ด้วยเหตุนี้แม้ค่าเข้าออนเซ็นชุมชนจะถูกมากแค่ 3 ดอลลาร์ แต่หลายคนยินดีจ่ายแพงเข้าออนเซ็นพรีเมียมแบบส่วนตัวในโรงแรมราคาหลายร้อยดอลลาร์มากกว่า และความต้องการน้ำเพิ่มเพื่อสูบเข้าห้องออนเซ็นส่วนตัวในโรงแรมนี่เองที่ส่งผลต่อปริมาณน้ำสำรอง
“เรายอมรับว่าเมืองอุเรชิโนะอยู่ได้ด้วยการท่องเที่ยว ดังนั้นเราต้องทำทุกอย่างเพื่อพิทักษ์มันเอาไว้ เราจึงไม่ลังเลที่จะทำทุกมาตรการที่จำเป็น” นายกเทศมนตรีย้ำ
ประสบการณ์การอาบน้ำแบบดั้งเดิมนั้นเชื่อกันว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ช่วยบรรเทาความเครียดทางจิตใจและความตึงของกล้ามเนื้อ รวมถึงช่วยให้ผิวพรรณดี แต่ใช่ว่าบ่อน้ำร้อนทุกแห่งจะเป็นออนเซ็น ญี่ปุ่นมีกฎหมายเข้มงวดควบคุมออนเซ็น หนึ่งในกิจกรรมสัญลักษณ์ของประเทศเปรียบเป็นสมบัติล้ำค่าที่ธรรมชาติให้มา
กฎหมายออนเซ็นของญี่ปุ่นกำหนดว่าน้ำออนเซ็นได้รับความร้อนจากพลังงานความร้อนใต้ดิน ผิวน้ำต้องคงอุณหภูมิไว้ไม่ต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส และน้ำต้องมีแร่ธาตุหลายชนิด
ช่วงหลังผู้คนนิยมมาเที่ยวญี่ปุ่นมาก ข้อมูลจากองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งชาติญี่ปุ่น (เจเอ็นทีโอ) เผยว่า ปีที่ผ่านมานักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวญี่ปุ่นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 36.8 ล้านคน
อาคิฮิโร โอสึกะ นักวิจัยจากสถาบันวิจัยออนเซ็นชูโอ กล่าวว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่พุ่งสูงสร้างแรงกดดันต่อพื้นที่ออนเซ็นชื่อดังหลายแห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่อุเรชิโนะในภาคตะวันตกไปจนถึงนิเซโกะบนเกาะฮ็อกไกโดทางภาคเหนือของประเทศ
“จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นหลังโควิด-19 ทำให้โรงแรมต้องขยายโรงอาบน้ำให้ใหญ่ขึ้น เพิ่มห้องอาบออนเซ็นส่วนตัว” โอสึกะกล่าวต่อ
ที่นิเซโกะ สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ระดับน้ำลดลง 15 เมตรในช่วงสามปีที่ผ่านมา โอสึกะขยายความว่า ปัญหาปริมาณน้ำในเมืองออนเซ็นจะกล่าวโทษการท่องเที่ยวอย่างเดียวก็ไม่ถูก ท่อน้ำผุกร่อนและโรงสูบน้ำเก่าทำให้สูญเสียน้ำโดยไม่จำเป็นเช่นกัน
“พื้นที่ออนเซ็นหลายแห่งมีปัญหาโรงอาบน้ำเก่า ไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม” นักวิจัยรายนี้ย้ำ
ส่วนออนเซ็นที่ปัจจุบันไม่มีปัญหาขาดแคลนน้ำ ก็ต้องรับมือกับอาการแรกของการท่องเที่ยวแออัดนั่นคือผู้คนมากันล้นหลามอย่างออนเซ็นกินซัน ในภูมิภาคยามางาตะ ห่างจากกรุงโตเกียวไปทางเหนือราว 418 กิโลเมตร ตอนนี้จำกัดรับเฉพาะนักท่องเที่ยวเช้าไปเย็นกลับในช่วงฤดูหนาวซึ่งเป็นฤดูที่ผู้คนนิยมอาบออนเซ็นมากที่สุด ทั้งนี้ก็เพื่อลดผลกระทบที่จะมีต่อชาวบ้านในพื้นที่
กล่าวได้ว่า ปีนี้นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมไปเที่ยวญี่ปุ่นกันมาก เหตุปัจจัยหนึ่งคือเงินเยนอ่อนค่า การจัดการแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยวัดฝีมือญี่ปุ่น ประเทศที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็“สุดยอด”ไปเสียทุกสิ่ง ออนเซ็นเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาที่ประเทศขายการท่องเที่ยวอื่นๆ ควรดูเป็นตัวอย่าง







