ญี่ปุ่นย้ำภาษีทรัมป์ วิกฤติระดับชาติ หุ้นดิ่ง 2 วันเกือบ 2,000 จุด

นายกฯ ญี่ปุ่นย้ำภาษีทรัมป์เป็น 'วิกฤติระดับชาติ' หุ้นร่วงสองวันเกือบ 2,000 จุด เตรียมร่างมาตรการทางเศรษฐกิจช่วยภาคธุรกิจ-ครัวเรือนรับมือผลกระทบ
นายกรัฐมนตรีชิเกรุ อิชิบะ ของญี่ปุ่นกล่าวว่า การขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal tariffs) ของสหรัฐถือเป็น "วิกฤติระดับชาติ" ก่อนจะเรียกประชุมครั้งสำคัญที่รวมถึงบรรดาผู้นำฝ่ายค้านด้วย ซึ่งนับเป็นการประชุมที่เกิดขึ้นได้ยาก เพื่อหาทางระดมสมองรับมือกับสงครามการค้าครั้งนี้อย่างเป็นเอกภาพร่วมกัน ในขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นร่วงลงหนักเป็นวันที่สองติดต่อกัน ลบไปรวมเกือบ 2,000 จุดแล้ว
"นี่คือสถานการณ์ที่ควรเรียกว่า วิกฤตระดับชาติ" อิชิบะกล่าวในรัฐสภา และเสริมว่ารัฐบาลกำลังพิจารณาว่าจะใช้มาตรการตอบโต้ใดได้บ้าง "เราต้องการพิจารณาหาทางว่าวิธีใดที่มีประสิทธิผลที่สุด เช่น การเก็บภาษีตอบโต้ หรือผ่านทางองค์การการค้าโลก"
ผลกระทบจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าญี่ปุ่น 24% ยังกระตุ้นให้ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คาซึโอะ อุเอดะ และรองผู้ว่าการบีโอเจ พยายามส่งสัญญาณเพื่อบรรเทาความกังวลของตลาด ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์หลายสำนักต่างปรับลดการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจกันลงมาแล้ว
บลูมเบิร์กระบุว่าในช่วงบ่าย นายกฯ อิชิบะจะพบกับผู้นำฝ่ายค้านในการประชุมที่ปกติจะจัดขึ้นเฉพาะกรณีการรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งใหญ่ หลังจากที่ในช่วงเช้ามีการประชุมพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลไปแล้ว สมาชิกบางคนเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการเจรจากับสหรัฐต่อไปเพื่อขอยกเว้นภาษี แม้ว่าการเจรจาจนถึงขณะนี้จะยังไม่ประสบความสำเร็จก็ตาม
โยเฮ มัตสึโมโตะ สมาชิกรัฐสภาญี่ปุ่นกล่าวว่า การหารือของพรรค LDP มุ่งเน้นไปที่ "การหาวิธีปกป้องอุตสาหกรรมและการจ้างงานของญี่ปุ่น" เป็นหลัก โดยนอกจากภาษีศุลกากร 24% แล้ว ญี่ปุ่นยังได้รับผลกระทบจากการที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% จากทั่วโลกด้วย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อบริษัทใหญ่บางแห่ง
ด้านหนังสือพิมพ์อาซาฮีรายงานเมื่อวันศุกร์ว่า "ญี่ปุ่นจะร่างมาตรการทางเศรษฐกิจเพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจและครัวเรือนในการรับมือกับผลกระทบของภาษีดังกล่าว" โดยหากมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการออกมาตรการพยุงเศรษฐกิจ คาดว่าอิชิบะจะสั่งการให้เจ้าหน้าที่จัดทำงบประมาณเพิ่มเติมให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนเม.ย.นี้
ก่อนหน้านี้รัฐบาลเปิดเผยว่า มีแผนที่จะจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาประมาณ 1,000 แห่ง เพื่อให้คำแนะนำแก่บริษัทที่เกี่ยวข้องและช่วยเหลือด้านการสนับสนุนเงินทุนนำการสนับสนุนเงินกู้มาให้
อิชิบะกล่าวด้วยว่า "เขาไม่เข้าใจ" พื้นฐานการคำนวณอัตราภาษีศุลกากรญี่ปุ่นของสหรัฐ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลโตเกียวรู้สึกงุนงงกับการตัดสินใจของทรัมป์ที่จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตราสูงกับญี่ปุ่น ที่เป็นทั้งประเทศพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดรายหนึ่งและนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ
ด้านตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดลบหนักอย่างต่อเนื่องในวันศุกร์ที่ 4 เม.ย. ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ปิดลบ 955.35 จุด หรือ 2.75% ปิดที่ระดับ 33,780.58 จุด ต่อเนื่องจากเมื่อวานวันพฤหัสฯที่ปิดลบไป 989.94 จุด หรือ 2.77% ปิดที่ระดับ 34,735.93 จุด หรือต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค. 2567
นักลงทุนยังคงเทขายหุ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สอง โดยเป็นการเทขายสินทรัพย์เสี่ยงที่ได้รับผลกระทบจากภาษีศุลกากร และโยกเงินเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยเช่น พันธบัตรรัฐบาล
สถานการณ์นี้ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีของญี่ปุ่นลดลงประมาณ 0.02% ลงไปแตะระดับ 1.16% ในขณะที่สัญญาฟิวเจอร์พันธบัตรรายสัปดาห์พุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบ 38 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2530 โดยนักลงทุนเดิมพันว่า BOJ จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ซึ่งอาจเป็นเดือนมิ.ย. หรือ ก.ค.







