สรุปผลประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสบิมสเทค ปูทางข้อตกลงระดับผู้นำ

สรุปผลประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสบิมสเทค ปูทางข้อตกลงระดับผู้นำ

เปิดฉากการประชุมผู้นำบิมสเทคครั้งที่ 6 กรอบความร่วมมือเดียวที่เชื่อมเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าด้วยกันภายใต้ความคิดริเริ่มของไทย

 เวลา 16.00 น. วันพุธ (2 เม.ย.) นางเอกสิริ ปิณฑะรุจิ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ  โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกันแถลงข่าวการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสบิมสเทค (BIMSTEC) ครั้งที่ 25 ถือเป็นการเปิดฉากการประชุมผู้นำบิมสเทคครั้งที่ 6 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการประชุมระดับนานาชาติครั้งแรกของรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร 

บิมสเทค (BIMSTEC) เป็นชื่อย่อของกรอบความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation) ที่

ไทยมีส่วนริเริ่มก่อตั้งขึ้นและมีการลงนามปฏิญญากรุงเทพฯ (Bangkok Declaration) เมื่อปี 2540 เพื่อเป็นกลุ่มความร่วมมือสำหรับ 4 ประเทศเริ่มต้น ได้แก่บังกลาเทศ อินเดีย ศรีลังกา และไทย ต่อมาได้ขยายรวมไปถึง เมียนมา เนปาล และภูฏาน ทำให้มีสมาชิกรวมเป็น 7 ประเทศในปัจจุบัน

การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสบิมสเทค ครั้งที่ 25 เมื่อวันที่ 2 พ.ย. ปลัดกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธานการประชุม นางสาวรุจิกร แสงจันทร์ อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เข้าร่วมประชุมในฐานะเจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายไทย

การประชุมครั้งนี้มีผู้แทนบิมสเทคทั้ง 7 ประเทศ ได้แก่ บังกลาเทศ ภูฏาน อินเดีย เมียนมา เนปาล ศรีลังกา และไทยเข้าร่วมกว่า 250 คน การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสดำเนินไปภายใต้หัวข้อ PRO BIMSTEC หมายถึง Prosperous (มั่งคั่ง)เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ผ่านการยกระดับความเชื่อมโยงรอบด้าน ลดความยากจนผ่านการส่งเสริมการค้าและการลงทุน รวมถึงการรักษาสิ่งแวดล้อม

Resilient (ยั่งยืน ฟื้นคืน)เพื่อสร้างความมั่นคง โดยเฉพาะในประเด็นความมั่นคงทางอาหารและทางสาธารณสุขภายในภูมิภาค ตลอดจนการขยายความร่วมมือทางทะเล

 Open (เปิดกว้าง)เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ ผ่านการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนและการสร้างเครือข่ายระหว่างประชาชน

  •  ความสำคัญของบิมสเทค

 ไทยริเริ่มบิมสเทคภายใต้นโยบาย Look West Policy  และเป็นกรอบความร่วมมือเดียวที่เชื่อมโยงเอเชียใต้กับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งสองภูมิภาคมีศักยภาพทางเศรษฐกิจและพลวัตสูงมาก มีโอกาสทางเศรษฐกิจต่อประชาชนในภูมิภาคอีกมากมาย ซึ่งไทยสามารถแสดงบทบาทสำคัญได้ผ่านบิมสเทค

ในประเด็นด้านการเชื่อมต่อซึ่งจะนำมาซึ่งผลประโยชน์และผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมต่อประชาชนและเศรษฐกิจไทยโดยรวม

การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส เมื่อวันที่ 2 เม.ย. ถือเป็นการวางรากฐานและเตรียมเอกสารสำคัญเพื่อให้รัฐมนตรีต่างประเทศบิมสเทคพิจารณาก่อนเสนอผู้นำต่อไป โดยไทยได้เสนอวิสัยทัศน์กรุงเทพฯ 2030 (Bangkok Vision 2030) เป็นวิสัยทัศน์แรกของบิมสเทคที่จะชี้นำความพยายามร่วมไปสู่แนวคิด PRO BIMSTEC ดังกล่าว

ทั้งนี้ บิมสเทค มี 7 สาขาความร่วมมือ โดยมีแต่ละประเทศสมาชิกเป็นประเทศนำ ได้แก่ ความเชื่อมโยง, การค้า การลงทุน การพัฒนา และเศรษฐกิจสีน้ำเงิน, สิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเศรษฐกิจแห่งขุนเขา, ความมั่นคง พลังงาน และการบริหารจัดการภัยพิบัติ, การเกษตร ความมั่นคงทางอาหาร การประมง และปศุสัตว์, ปฏิสัมพันธ์ระหว่างประชาชนและการขจัดความยากจน, วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม สาธารณสุข และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

  •  ห่วงใยเหยื่อแผ่นดินไหว 

ในโอกาสนี้ที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสบิมสเทคยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเร่งรัดกลไกความร่วมมือในการจัดการภัยพิบัติ ภายใต้กรอบบิมสเทคซึ่งไทยได้เสนอร่างแถลงการณ์ร่วม ของผู้นำบิมสเทคเกี่ยวกับผลกระทบของแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มี.ค. เพื่อให้สมาชิกร่วมกันพิจารณา

  •  มาริษประธานประชุมรัฐมนตรี

ในวันพฤหัสบดี (3 มี.ค.) นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะเป็นประธานการประชุมระดับรัฐมนตรีบิมสเทคสมัยที่ 20

นอกจากนี้จะมีการลงนามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการขนส่งทางทะเลภายใต้กรอบบิมสเทคและระหว่างประเทศสมาชิก และการลงนามบันทึกความเข้าใจอีกสองฉบับ ฉบับที่ 1ระหว่างสำนักงานเลขาธิการบิมสเทคกับสมาคมภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย (IORA) ฉบับที่ 2 ระหว่างสำนักงานเลขาธิการบิมสเทคกับสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ(UN Office on Drugs and Crime:UNODC)

  •  ประชุม Young Gen จุดประกายคนรุ่นใหม่

ช่วงบ่ายวันพฤหัสบดีมีกิจกรรมคู่ขนาน BIMSTEC Young Gen Forum 2025: Where the Future Meets ซึ่งเป็นข้อริเริ่มของไทย กิจกรรมนี้เป็นการรวมตัวของเยาวชนจากประเทศสมาชิก ที่เชื่อว่าเป็นกุญแจสำคัญต่ออนาคต แบ่งปันความคิดและวิสัยทัศน์ในด้านที่ประเทศตนเป็นผู้นำ โดยได้รับเกียรติจากศาสตราจารย์โมฮัมหมัด ยูนุส ประธานคณะที่ปรึกษารัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศมาเป็นวิทยากรหลัก ร่วมจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ของบิมสเทค

  • มินอ่องหล่ายร่วมประชุม 4 เม.ย.

ระหว่างการแถลงข่าว นายนิกรเดช ตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า พลเอกอาวุโส มิน อ่องหล่าย ของเมียนมา มาร่วมประชุมผู้นำที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 4 เม.ย. แต่ยังไม่ได้กำหนดวันเดินทางที่แน่ชัด

ทั้งนี้ มีข่าวมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อนเรื่องการมาร่วมประชุมบิมสเทคของผู้นำเมียนมา แต่เนื่องจากเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในประเทศทำให้ยังไม่มีคำตอบชัดเจนก่อนหน้านี้จนกระทั่งได้รับคำยืนยันจากโฆษกกระทรวงการต่างประเทศไทย  

  •  นายกฯ เนปาล เยือนไทยอย่างเป็นทางการ

นายเค พี ศรรมะ โอลี นายกรัฐมนตรีเนปาล เดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 1 - 5 เม.ย.2568 เป็นการเยือนในระดับนายกรัฐมนตรีครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ทั้งสองประเทศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อวันที่ 30 พ.ย.2502 หรือ 66 ปีที่แล้ว โดยในวันที่ 2 เม.ย.2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีเนปาลอย่างเป็นทางการที่ทำเนียบรัฐบาล และมีการหารือทวิภาคีในประเด็นสำคัญ ๆ ได้แก่ การส่งเสริมการค้าและการลงทุน การขยายความเชื่อมโยง ความร่วมมือด้านเกษตรและเทคโนโลยีการเกษตร การท่องเที่ยว วัฒนธรรม ความร่วมมือระดับประชาชน ความร่วมมือเพื่อการพัฒนา และประเด็นพหุภาคีและภูมิภาค

ภายหลังจากการหารือ นายกรัฐมนตรีไทยและเนปาลร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามเอกสารความตกลงจำนวน 8 ฉบับ ซึ่งครอบคลุมสาขาความร่วมมือที่หลากหลาย อาทิ การท่องเที่ยว วัฒนธรรม การค้าและอุตสาหกรรม การแพทย์ และการศึกษา อีกด้วย