เปิดเอกสารเด็ดทำเนียบขาว! แผนภาษีทรัมป์เล็งเป้า 'ไทย'

นับถอยหลังสู่ “ภาษีตอบโต้” จากสหรัฐ ซึ่งโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่า วันที่ 2 เมษายนนี้ (ราวตี 3 ในวันที่ 3 เม.ย.ตามเวลาไทย) จะเป็น “วันปลดแอกอเมริกา” จากการถูกเอารัดเอาเปรียบด้านภาษีจากทั่วโลก

ย้อนไปในปี 2019 ที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสมัยแรก มีเอกสารทำเนียบขาวสำคัญที่ชื่อว่า “กฎหมายการค้าตอบโต้ของสหรัฐ: การประเมินผลกระทบต่อการจ้างงาน และการขาดดุลทางการค้า” (The United States Reciprocal Trade Act : Estimated Job & Trade Deficit Effects) โดย ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ชี้ว่า ทีมทรัมป์สมัยที่ 2 อาจใช้แผนในเอกสารนี้เป็นฐานในการกำหนดภาษีต่อไทยว่า ควรกำหนดในรูปแบบใด อัตราเท่าไร และต่อสินค้าประเภทใดของไทย

ดังนั้น ถ้าได้รู้เนื้อหาข้างในที่ทีมทรัมป์อาจใช้อ้างอิงด้านภาษี ก็จะช่วยให้ไทยรับมือ และเตรียมใจได้ดียิ่งขึ้น

ไทยเก็บภาษีชาเขียวสหรัฐที่ 90% ส่วนสหรัฐเก็บ 3%

ในเนื้อหาเปิดมาเรื่อง “สหรัฐขาดดุลประเทศใดบ้างในปี 2018” โดย 5 อันดับแรกเป็น จีน (ครองสัดส่วนที่สหรัฐขาดดุลมากเกือบครึ่งหนึ่งของทั้งโลก) สหภาพยุโรป เม็กซิโก เยอรมนี และญี่ปุ่น

ส่วนไทยอยู่ใน “อันดับที่ 12” โดยสหรัฐขาดดุลการค้าไทย 19,300 ล้านดอลลาร์ (สหรัฐส่งออกไปไทย 12,600 ล้านดอลลาร์ สหรัฐนำเข้าจากไทย 31,900 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วน 1:2.5)

- ไทยเกินดุลสหรัฐในปี 2018 ที่ 19,300 ล้านดอลลาร์ -

สำหรับตัวอย่างสินค้าไทยที่สหรัฐมองว่า ไทยเก็บจากสหรัฐอย่างไม่เป็นธรรม คือ “ชาเขียว” โดยไทยเก็บอัตราภาษีสินค้านี้จากสหรัฐที่ 90% ขณะที่สหรัฐเก็บจากไทยที่ 3%

- ไทยเก็บภาษีชาเขียวจากสหรัฐที่อัตรา 90% -

มองไทยเก็บภาษีแบบไม่ถ้อยทีถ้อยอาศัย

ในหมวดต่อไป สหรัฐได้จัดไทยให้อยู่ในกลุ่ม “ประเทศที่เรียกเก็บภาษีแบบไม่ถ้อยทีถ้อยอาศัย” โดยไทยเก็บภาษีศุลกากรสูงกว่าสหรัฐใน 2,881 รายการสินค้า คิดเป็น 55% ของรายการสินค้าทั้งหมด ขณะที่สหรัฐเก็บภาษีสูงกว่าไทย 1,407 รายการสินค้า คิดเป็น 27% และมี 917 รายการสินค้าหรือ 18% ที่ทั้งสองประเทศเก็บภาษีในอัตราเท่ากัน

- ไทยเก็บภาษีสูงกว่าสหรัฐใน 2,881 รายการ คิดเป็น 55% ของรายการสินค้าทั้งหมด -

ต่อมาใน “แผนภาพขนาดการขาดดุลการค้าทวิภาคีของสหรัฐ” จะเห็นได้ว่า แม้ “มูลค่าการขาดดุล” ของสหรัฐที่มีต่อไทย ไม่สูงเท่าจีน อียู และญี่ปุ่น แต่ถ้าดูในเชิง “อัตราภาษี” ที่ไทยเรียกเก็บจากสหรัฐ จะเห็นได้ว่า “สูงกว่า” เวียดนาม มาเลเซีย ญี่ปุ่น ไต้หวัน และอียู โดยไทยอยู่ในอันดับต้น ๆ เป็นรองจากอินเดีย

- ไทยเรียกเก็บภาษีจากสหรัฐ “สูงกว่า” เวียดนาม มาเลเซีย ญี่ปุ่น ไต้หวัน และอียู -

ไทยควรลดภาษีให้เท่าสหรัฐ หรือรอให้สหรัฐขึ้นภาษีเท่าไทย?

ใน “แบบจำลองภาษีสำหรับคู่ค้า” เอกสารนี้ได้จำลองออกเป็น 2 รูปแบบ

- แบบที่ 1 หากไทย “ลดภาษีนำเข้า” ลงมาเท่ากับระดับของสหรัฐ จะทำให้การขาดดุลการค้าระหว่างสหรัฐกับไทยลดลง 3,200 ล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็น 17% ของการขาดดุลการค้าในปี 2018

- แบบที่ 2 หากไทย “ไม่ยอมลดภาษี” และสหรัฐตัดสินใจขึ้นภาษีให้เท่ากับระดับของไทย จะทำให้การขาดดุลการค้าระหว่างสหรัฐกับไทย “ลดลงมากกว่า” คือ 6,400 ล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็น 34% ของการขาดดุลการค้าในปี 2018

- แบบจำลองภาษีสำหรับคู่ค้า -

ในขณะที่เข็มนับถอยหลังภาษีทรัมป์กำลังใกล้เข้ามา เพื่อนบ้านไทยอย่าง “เวียดนาม” ที่ได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐเช่นกัน ได้ชิงประกาศ “ลดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐ” หลายประเภท รวมถึงก๊าซธรรมชาติเหลวและรถยนต์ เพื่อป้องกันไม่ให้สหรัฐใช้มาตรการภาษีใหม่ในวันที่ 2 เม.ย.กับเวียดนาม

ภาษีสำหรับรถยนต์บางประเภทถูกลดลงเหลือ 32% จากเดิมที่สูงถึง 64% ในขณะที่ภาษีก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ลดลงเหลือ 2% จาก 5% และภาษีสำหรับเอทานอลลดลงเหลือ 5% จาก 10% ตามที่ระบุในแถลงการณ์ 

ไม่เพียงเท่านั้น การนำเข้าสินค้าเกษตร เช่น แอปเปิ้ลสด ไก่แช่แข็ง อัลมอนด์ และเชอร์รี่ ก็ได้รับการลดภาษีเช่นกัน 

อ้างอิง: wsj, กรุงเทพธุรกิจ