สหรัฐเปิด 'National Trade Estimate Report 2025' ซัดไทยกระหน่ำ

สหรัฐเปิด 'National Trade Estimate Report 2025' ซัดไทยกระหน่ำ

สหรัฐเปิดรายงานการกีดกันทางการค้า ชี้ไทยยังไม่เปิดตลาดในสินค้าหลายรายการ รับห่วงกฎหมายหลายฉบับของไทยเป็นอุปสรรคการค้า

สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ หรือ ยูเอสทีอาร์ เผยแพร่รายงานประเมินการกีดกันทางการค้ากับประเทศคู่ค้าประจำปี 2025 (2025 National Trade Estimate Report on FOREIGN TRADE BARRIERS) ในส่วนของประเทศไทย มีสาระสำคัญโดยสรุปว่า ประเทศไทยผูกพันอัตราภาษีกับ องค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ที่ 76.9% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 26.6%

ทั้งนี้ กลุ่มสินค้าที่มีอัตราสูงดังกล่าวนับเป็นการขัดขวางการเข้าถึงตลาดของสินค้าสหรัฐหลายรายการ และยังมีการกำหนดการขอใบอนุญาตเพื่อการนำเข้าสินค้าหลายรายการซึ่งบางกรณีพบว่าสินค้านำเข้าบางรายการแม้ไม่ต้องขออนุญาตแต่ก็มีการกำหนดค่าธรรมเนียมพิเศษหรือไม่ก็เรียกเป็นหนังสือรับรองแหล่งกำเนิด

นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดโควตานำเข้าและให้ผู้นำเข้ามีการซื้อผลิตภัณฑ์ในประเทศตามสัดส่วนที่กำหนดสำหรับสินค้าที่อยู่ภายใต้โควตาภาษี หลายรายการ เช่น กาแฟ ชา มันฝรั่ง ข้าวโพด ถั่วเหลือง และกากถั่วเหลือง

ด้านหัวข้อการกำหนดกำแพงทางเทคนิคต่อการค้า รายงานระบุถึงความกังวลด้านผลิตภัณฑ์นม โดยในเดือนมิถุนายน 2567 ไทยได้แจ้งต่อคณะกรรมการว่าด้วยอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้าของ WTO เกี่ยวกับร่างกฎระเบียบใหม่เกี่ยวกับข้อจำกัดด้านการตลาดสำหรับอาหารสำหรับเด็ก ซึ่งอุตสาหกรรมสหรัฐได้แสดงความกังวลว่าข้อจำกัดที่เสนอไม่ได้ให้ความชัดเจนเพียงพอสำหรับบริษัทต่างๆ ในการเข้าใจว่าผลิตภัณฑ์ใดต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดใหม่

ในด้านเนื้อวัวและผลิตภัณฑ์จากเนื้อวัว ไทยจำกัดการนำเข้าเครื่องในวัวที่ผ่านการใช้สารเบต้า-อะโกนิสต์ โดยกรมปศุสัตว์ได้ยืนยันว่าลิ้นสด, เนื้อแก้ม, หางวัว, เอ็น, hanging tender, inside skirt และ outside skirt ถูกจัดเป็นเนื้อส่วนกล้ามเนื้อและไม่ได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดนี้ ทั้งนี้ สหรัฐยังคงกดดันให้ไทยปรับข้อกำหนดการนำเข้าให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลที่อิงตามหลักวิทยาศาสตร์

ส่วนกรณีเนื้อหมู ในปี 2555 หลังจากที่ Codex กำหนดค่า MRLs สำหรับแร็คโตพามีนในเนื้อเยื่อของวัวและหมู ไทยได้ระบุว่าจะยกเลิกการห้ามนำเข้าเนื้อหมูจากประเทศที่อนุญาตให้ใช้แร็คโตพามีน รวมถึงสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ไทยยังไม่ได้กำหนดค่า MRLs สำหรับแร็คโตพามีนในเนื้อหมู ซึ่งทำให้ไม่สามารถนำเข้าผลิตภัณฑ์เนื้อหมูของสหรัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในปี 2562 ไทยและสหรัฐเห็นด้วยที่จะทบทวนตัวเลือกการจัดการความเสี่ยงที่เป็นไปได้สำหรับไทยเพื่อพัฒนาค่า MRL สำหรับแร็คโตพามีน

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากขาดความคืบหน้าในประเด็นนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2563 สหรัฐ จึงได้เพิกถอนสิทธิพิเศษทางการค้าปลอดภาษีของไทยประมาณ 1 ใน 6 ภายใต้โครงการระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ของสหรัฐ

ด้านการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา ไทยยังคงอยู่ในกลุ่มประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List) ในรายงาน Special 301 ปี 2567 แม้ว่าไทยจะมีความคืบหน้าในการคุ้มครองและบังคับใช้ทรัพย์สินทางปัญญา โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญาและกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจกำลังดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเพื่อระบุตลาดกายภาพและพื้นที่อื่นๆ สำหรับการบังคับใช้กฎหมายที่มีความสำคัญสูงต่อสินค้าปลอมแปลงและละเมิดลิขสิทธิ์

ส่วนอุปสรรคด้านการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์/การค้าดิจิทัล สหรัฐระบุว่า ตามความเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของสหรัฐ รวมถึงองค์กรสิทธิมนุษยชน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ของไทยสร้างความกังวลสำหรับบริการออนไลน์ที่เป็นเจ้าของเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นที่ไม่ได้รับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา เนื่องจากให้อำนาจรัฐบาลในการควบคุมเนื้อหาออนไลน์อย่างกว้างขวางซึ่งอาจจำกัดกิจกรรมที่ชอบด้วยกฎหมาย

ด้านอุปสรรคการลงทุน ภาคพื้นฐานและภาคบริการของไทยยังคงมีข้อจำกัดต่อการลงทุนจากต่างประเทศ โดยพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (FBA) วางกรอบการกำกับดูแลการลงทุนจากต่างประเทศในไทย ภายใต้ FBA คนที่ไม่ใช่สัญชาติไทยและนิติบุคคลที่มีชาวต่างชาติเป็นเจ้าของส่วนใหญ่ถูกห้ามไม่ให้ถือครองเกิน 50% ในหลายภาคส่วน

นอกเหนือจาก FBA แล้ว กฎหมายเฉพาะสำหรับแต่ละภาคส่วนยังกำหนดการควบคุมการถือครองของต่างชาติด้วย ตัวอย่างเช่น พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคมห้ามไม่ให้นิติบุคคลที่มีชาวต่างชาติเป็นเจ้าของส่วนใหญ่รับใบอนุญาตประเภทII และประเภท III ที่จำเป็นในการดำเนินเครือข่ายโทรคมนาคมที่มีให้แก่ประชาชนทั่วไป

ในเรื่องแรงงาน ในเดือนเมษายน 2563 สหรัฐได้ระงับสิทธิประโยชน์ทางภาษีศุลกากรของไทยภายใต้โปรแกรม GSP บางส่วน เนื่องจากไทยไม่ได้ดำเนินการให้สิทธิแรงงานในไทยมีสิทธิแรงงานที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องเสรีภาพในการสมาคม ในเดือนมีนาคม 2567 ไทยได้อนุมัติมติเพื่อแก้ไขพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ร่างการแก้ไขอยู่ระหว่างการทบทวนในประเทศซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการแก้ไข การแก้ไขเหล่านี้อาจจะแก้ไขประเด็นที่พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ณ เดือนธันวาคม 2567 การระงับบางส่วนของการให้สิทธิปลอดภาษีภายใต้ GSP ยังคงมีผลบังคับใช้