ส่อง 14 ค่ายรถยนต์ทั่วโลก ใครเสี่ยงโดนภาษี 'ทรัมป์' มากสุด

ส่อง 14 ค่ายรถยนต์ทั่วโลก ใครเสี่ยงโดนภาษี 'ทรัมป์' มากสุด

ส่อง 14 ค่ายรถยนต์ทั่วโลก พบ ‘จากัวร์ แลนด์โรเวอร์-จีลี่ วอลโว่-มาสด้า’ เสี่ยงโดนภาษี 'ทรัมป์' มากสุด 3 อันดับแรก ส่วน ‘เทสลา’ ไม่ได้รับผลกระทบแถมอาจมีกำไรเพิ่ม

หลังจากที่ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ของสหรัฐขู่ที่จะเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์มาหลายสัปดาห์ ในที่สุดก็ประกาศเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% สำหรับรถยนต์ที่ไม่ได้ผลิตในสหรัฐอเมริกา โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เม.ย. 

3 ค่ายยักษ์เสี่ยงโดนภาษีมากสุด

ข้อมูลจากอุตสาหกรรมยานยนต์แสดงให้เห็นว่าในปีที่ผ่านมา รถยนต์เกือบครึ่งหนึ่งที่ขายในสหรัฐอเมริกาเป็นรถยนต์นำเข้า ซึ่งบ่งชี้ว่าการเก็บภาษีครั้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์ในประเทศ

บริษัทและประเทศที่เสี่ยงต่อภาษีใหม่มากที่สุด เมื่อพิจารณาสัดส่วนรถยนต์นำเข้าของแต่ละแบรนด์ในสหรัฐตามข้อมูลจากบริษัทวิจัย GlobalData พบว่า 3 อันดับแบรนด์ที่มีความเสี่ยงมากที่สุด 

ส่อง 14 ค่ายรถยนต์ทั่วโลก ใครเสี่ยงโดนภาษี 'ทรัมป์' มากสุด

อันดับ 1 คือ “จากัวร์” และ “แลนด์โรเวอร์” (Jaguar Land Rover)  ภายใต้บริษัท ทาทามอเตอร์ บริษัทข้ามชาติสัญชาติอินเดียอาจเผชิญความเสี่ยงมากที่สุด จากการนำเข้ามายังสหรัฐถึง 100% 

ส่อง 14 ค่ายรถยนต์ทั่วโลก ใครเสี่ยงโดนภาษี 'ทรัมป์' มากสุด

รองลงมากคือ จีลี่(Geely) และ วอลโว่ (Volvo)  ภายใต้บริษัทเจ้อเจียง จีลี่ โฮลดิ้งกรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตยานยนต์ข้ามชาติของจีน จากสัดส่วนนำเข้า 90% และอันดับที่ 3 คือ มาสด้า(Mazda)  ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นที่มีสัดส่วนนำเข้า 81%

 

สัดส่วนการนำเข้ารถยนต์ในสหรัฐของแต่ละแบรนด์

  • Jaguar land Rover 100%
  • Geely (Volvo) 90%
  • Mazda 81%
  • Volkswagen 80%
  • Hyundai/Kia 65%
  • Mercedes-Benz  63%
  • BMW 52%
  • Toyota 51%
  • GM 46%
  • Stellantis 45%
  • Subaru 45%
  • Honda 35%
  • Ford 21%
  • Tesla 0%

ในปี 2567 สหรัฐอเมริกานำเข้าผลิตภัณฑ์ยานยนต์มูลค่าสูงถึง 474,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งในจำนวนนี้เป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลมูลค่า 220,000 ล้านดอลลาร์ โดยประเทศที่เป็นผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่ที่สุดไปยังสหรัฐอเมริกา ได้แก่ เม็กซิโก ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ แคนาดา และเยอรมนี ซึ่งล้วนเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดของสหรัฐ

ข้อมูลจากเอสแอนด์พี โกลบอล โมบิลิตี้ ระบุว่าในปี 2567 เม็กซิโกส่งออกรถยนต์ไปยังสหรัฐอเมริกามากที่สุดถึง 2.5 ล้านคัน ตามมาด้วยเกาหลีใต้ 1.4 ล้านคัน ญี่ปุ่น 1.3 ล้านคัน และแคนาดา 1.1 ล้านคัน เยอรมนีส่งออกรถยนต์ 430,000 คัน และสหราชอาณาจักรส่งออกเกือบ 90,000 คัน ในปีเดียวกัน

Tesla ไม่โดน แถมกำไร

ในขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกกำลังสั่นคลอนจากผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากภาษีรถยนต์ใหม่ของทรัมป์ แต่มีบริษัทหนึ่งที่ดูเหมือนจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าบริษัทอื่นๆ นั่นคือ “เทสลา” Tesla โดย ราคาหุ้นเทสล่า ปรับตัวขึ้น  1.7% มีมูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้น  14,300 ล้านดอลลาร์  ขณะที่หุ้นบริษัทรถยนตร์ค่ายอื่นๆ กลับร่วงลง

ส่อง 14 ค่ายรถยนต์ทั่วโลก ใครเสี่ยงโดนภาษี 'ทรัมป์' มากสุด

นักวิเคราะห์กล่าวว่าห่วงโซ่อุปทานของ Tesla อาจไม่ได้รับผลกระทบจากการเก็บภาษีในวงกว้างที่จะส่งผลกระทบต่อการขนส่งรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ไปยังสหรัฐอเมริกาจากทั่วโลก ซึ่งสาเหตุหลักมาจากฐานการผลิตและห่วงโซ่อุปทานของบริษัทส่วนใหญ่อยู่ภายในประเทศสหรัฐ 

แม้ว่า Tesla จะนำเข้าชิ้นส่วนบางส่วนจากทั่วโลก แต่บริษัทก็พึ่งพาชิ้นส่วนจากต่างประเทศน้อยกว่าผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆ ที่จำหน่ายในสหรัฐอเมริกา

จากการวิเคราะห์ของ Bernstein พบว่า 61% ของชิ้นส่วนยานยนต์ที่ Tesla ขายในสหรัฐมาจากสหรัฐ โดยมีเพียง 22% ที่มาจากเม็กซิโก 7% จากแคนาดา และ 3% จากจีน ซึ่งบ่งชี้ว่า Tesla เป็นบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากภาษีศุลกากรน้อยที่สุดในกลุ่มอุตสาหกรรม

นักวิเคราะห์ของ Bernstein กล่าวว่า "ด้วยการจัดหาวัตถุดิบเกือบทั้งหมดจากสหรัฐ ทำให้บริษัทหลีกเลี่ยงผลกระทบจากภาษี และอาจได้รับผลกำไรเพิ่มขึ้นเมื่อคู่แข่งต้องขึ้นราคา"

อ้างอิง Reuters1 Reuters2