กระแสอีวีทรุด ฉุด ‘โตโยต้า’ เลื่อนเปิดโรงผลิตแบตเตอรี่ในญี่ปุ่น

กระแสอีวีทรุด ฉุด ‘โตโยต้า’  เลื่อนเปิดโรงผลิตแบตเตอรี่ในญี่ปุ่น

กระแส ‘อีวี’ ทรุด ความต้องการชะลอตัวจน ‘โตโยต้า’ ต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ เลื่อนเปิดโรงงานผลิตแบตเตอรี่ที่วิ่งได้ 1,000 กิโลเมตร แห่งใหม่ในญี่ปุ่น

สำนักข่าวนิกเคเอิเอเชียรายงานว่า  “โตโยต้า มอเตอร์” ได้เลื่อนการก่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในญี่ปุ่นออกไป เนื่องจากบริษัทปรับกลยุทธ์ใหม่เมื่อความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าในระดับโลกกำลัง “ชะลอตัว”

ประธานบริษัท โคจิ ซาโตะ ได้เดินทางไปหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดฟุกุโอกะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานที่วางแผนไว้ และคาดว่าจะมีการลงนามข้อตกลงเรื่องสถานที่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ ซึ่งล่าช้าจากกำหนดเดิมในเดือนเมษายน การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลกระทบต่อแผนการเริ่มดำเนินการของโรงงานในปี 2028

ถึงแม้โตโยต้าจะยืนยันว่าจะยังคงเดินหน้าโครงการในที่สุด แต่บริษัทจะพิจารณาอย่างรอบคอบเกี่ยวกับประเภทของผลิตภัณฑ์ที่จะผลิต และขนาดของโรงงาน โดยโรงงานแห่งนี้มีบทบาทสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ของโตโยต้า ซึ่งได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาลญี่ปุ่น

โรงงานแห่งใหม่นี้มีกำหนดการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ของโตโยต้า และคาดว่าจะผลิตแบตเตอรี่ที่มีระยะทางวิ่ง 1,000 กิโลเมตร  รวมทั้งคาดว่าจะมีกำลังการผลิต 430,000 คันต่อปี โดย 90% ของผลผลิตถูกส่งออกไปยังเอเชีย และยุโรป โดยโรงงานแห่งนี้ประกอบรถยนต์ Lexus เป็นหลัก 

กระแสรถ ‘อีวี’ ซบเซา

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกมีความไม่แน่นอนมากขึ้น โดย GlobalData ได้ปรับลดประมาณการยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2030 ลง 540,000 คัน จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 32.72 ล้านคัน เหลือ 32.18 ล้านคัน

ในปี 2566 โตโยต้าได้ประกาศแผนที่จะเพิ่มยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกเป็น 1.5 ล้านคันต่อปีภายในปี 2569 แต่ในปีที่ผ่านมา โตโยต้าได้แจ้งให้ซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนเตรียมพร้อมสำหรับการผลิตรถยนต์ 1 ล้านคันในปี 2569 และในปีนี้ เป้าหมายการผลิตได้ลดลงเหลือ 800,000 คัน

นอกจากนี้ โตโยต้ายังต้องเผชิญกับความท้าทายจากภาษีนำเข้าของสหรัฐทำให้บริษัทต้องสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่แห่งแรกในอเมริกาเหนือที่รัฐนอร์ทแคโรไลนา โดยจะเริ่มจัดส่งแบตเตอรี่ในเดือนหน้า ซึ่งจะเริ่มจากการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฮบริด ซึ่งยังคงมียอดขายที่ดี

กลยุทธ์หลักของโตโยต้าในปัจจุบันคือ การสร้างผลกำไรที่มั่นคงจากรถยนต์ไฮบริด ซึ่งมียอดขายทั่วโลกเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ขณะเดียวกัน ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของโตโยต้าในปี 2024 ยังคงมีสัดส่วนที่ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับตลาดโลก

 

 

อ้างอิง Nikkei 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์